นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ พ.อ.นที สุกลรัตน์ และนายพนา ทองมีอาคม คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กอช.)ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กสทช.กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279-280 กรณีอนุมัติงบประมาณ 84 ล้านบาทให้กับวุฒิสภา เพื่อดำเนินโครงการอิ่มบุญ 999 วัด ในช่วงระหว่างกำลังมีกระบวนการสรรหา กสทช.
โครงการดังกล่าวมีการอนุมัติเมื่อเดือน ธ.ค.53 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้
"เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าเมื่อกฎหมายบังคับใช้การสรรหา กสทช.จะต้องเริ่มขึ้น แต่ กทช.ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ที่เข้ารับการสรรหากลับมีการอนุมัติเงินดังกล่าว ทำให้เป็นเหตุสงสัยว่ามีลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และเป็นการจ่ายซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เพราะวุฒิสภามีอำนาจคัดเลือก กสทช."นายสมชาติ กล่าว
นายสมชาติ กล่าวว่า ตามความจริงแล้วเงินจำนวน 84 ล้านบาทของ กสทช.จะใช้ดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมของเยาวชน เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุ 84 พรรษา แต่กลับมีการอนุมัติเงินดังกล่าวให้วุฒิสภาในช่วงคาบเกี่ยวกับการสรรหา กสทช.
สำหรับโครงการอิ่มบุญ 999 วัดมีนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช เป็นประธานโครงการฯ ซึ่งต่อมามี ส.ว.หลายคนที่ร่วมเป็นกรรมการโครงการดังกล่าวได้ขอถอนตัวภายหลัง ได้แก่ นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง, นายโสภณ ศรีมาเหล็ก ส.ว.น่าน, นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์
นายสมชาติ กล่าวว่า หากผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ปรากฏว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการโดยให้ถือเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง กทช.ตามรัฐธรรมนูญด้วย
อย่างไรก็ตาม การประชุมวุฒิสภาเพื่อลงมติเลือก กสทช.ในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้ยังคงดำเนินการตามปกติ โดยไม่ได้ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาชะลอการนำเสนอระเบียบวาระดังกล่าวออกไป