นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเรื่องกล่าวหา นายศุภชัย โพธิ์สุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กระทำการโน้มน้าวให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมพิธีเปิดการฝึกอบรมของกรมพัฒนาที่ดิน ที่โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงคะแนนเลือกผู้สมัครส.ส. พรรคภูมิใจไทย โดยมี นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ นั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายศุภชัย โพธิ์สุ ขณะดำรงตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้สั่งและปฏิบัติราชการแทนรมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยให้มีอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแล และปฏิบัติราชการ รวมทั้ง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณ การเสนอเกี่ยวกับสวัสดิการและค่าตอบแทนหมอดินอาสาซึ่งเป็นภารกิจของกรมพัฒนาที่ดิน
โดยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2552 นายศุภชัย โพธิ์สุ ขณะดำรงตำแหน่งรมช.รวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับเชิญจากกรมพัฒนาที่ดินให้ไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ดำเนินงานของประธานกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์เพื่อลดใช้สารเคมีทางการเกษตร" ณ โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากการทำพิธีเปิดการอบรมไปแล้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ได้รับเชิญขึ้นบนเวทีเพื่อพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมในฐานะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยในการพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมนั้นได้ปราศรัยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยเบอร์ 1 โดยบอกให้เลือกเบอร์ 1 หากเลือกเบอร์ 1 จะเป็นหน้าเป็นตาของสกลนคร และจะได้รับงบประมาณต่างๆ มากมาย
หากเลือกเบอร์ 2 จะนั่งบังเสาเพราะไม่มีความสามารถอะไรเลย หากผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมอดินอาสาก็จะได้ค่าตอบแทน เหมือนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยใช้เวลาพูดประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ปรากฏว่า มีหมอดินอาสาที่เข้าร่วมอบรม ได้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.สกลนคร เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสกลนคร โดยอ้างเหตุที่คัดค้านว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่เป็นถูกต้องเป็นธรรม ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำวินิจฉัยสั่งการให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายศุภชัย โพธิ์สุ ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 137 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของ นายศุภชัย โพธิ์สุ มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 137 ฐานกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการจัดทำ ให้เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด ตามมาตรา 53 (1) ประกอบมาตรา 137
ป.ป.ช.จึงมีมติให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับนายศุภชัย โพธิ์สุ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 70