นายกรัฐมนตรีรับปากจะนำยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหารซึ่งจัดทำขึ้นโดยนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.), วิทยาลัยเสนาธิการทหาร, วิทยาลัยการทัพบก, วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยการทัพอากาศ ไปบูรณาการเข้ากับนโยบายของรัฐบาล โดยเห็นว่าขณะนี้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
"ขณะนี้ประเทศได้เกิดการ change หรือเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว และต้องดูว่าจะปรับตัวกับการเสี่ยงได้อย่างไร อย่ามองความเสี่ยงเป็นปัญหา ต้องมองความเสี่ยงเป็นการปรับตัวเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมต่อการจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าวว่า มีความเข้าใจในปัญหาด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของภัยพิบัติที่เสนอให้แก้ไขปัญหาอยบ่างเป็นระบบและบูรณาการ เรื่องของอาหาร เรื่องพลังงาน เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะส่งเสริมโครงการเพิ่มมูลค่าราคาสินค้าเกษตร
สำหรับความมั่นคงทางด้านการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความขัดแย้ง แต่เมื่อทุกฝ่ายเรียกร้องให้นำการเมืองกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบนิติรัฐ รัฐบาลก็จะไม่มองข้ามในเรื่องนี้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมจะต้องเร่งสร้างความมั่นคงเรื่องเศรษฐกิจและพลังงาน รวมถึงการส่งเสริมพลังงานทดแทน และในด้านสังคมต้องยกระดับคุณภาพชีวิตและพื้นฐานความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดีขึ้น
ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีข้อเสนอว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้ามีภัยคุกคามที่ประเทศชาติต้องเผชิญ จึงต้องเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับภัยดังกล่าว โดยกำหนดยุทธศาสตร์เร่งด่วน ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การบูรณาการระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ เนื่องจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง 2.ยุทธศาสตร์การพร้อมเผชิญสภาวะวิกฤติโลกเรื่องอาหารที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่งคั่งของประเทศหากเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม และ 3.ยุทธศาสตร์การเตรียมประเทศขั้นสูงสุดเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน
ขณะเดียวกันประเทศกำลังประสบวิกฤติในเรื่องความขัดแย้งในสังคม การทุจริตคอรัปชั่น การศึกษา สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ การแพร่กระจายของยาเสพติด ปัญหาความยากจน และภัยธรรมชาติ