นายโมฮัมมัด ฮัตตา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในฐานะประเทศที่เป็นประธานอาเซียน กล่าวต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า อาเซียนมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย และมั่นใจว่าประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใส ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาล รวมทั้งมั่นใจว่าไทยจะขยายและเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบอาเซียนให้เข้มแข็งและเกิดประโยชน์ต่อประเทศ และภูมิภาคต่อไป
ทั้งนี้ ขอชื่นชมบทบาทที่เข้มแข็งของไทยในฐานะสมาชิกอาเซียน และหวังว่าจะได้ร่งวมมือกับไทยเพื่อให้ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 58 ได้แก่ เสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคง เสาหลักด้านเศรษฐกิจ และเสาหลักด้านสังคมและวัฒนธรรม บรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จเพื่อเจริญมั่นคงของภูมิภาค และของโลกต่อไป นอกจากนี้ ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีกับอินโดนีเซีย ยินดีเป็นอย่างสำหรับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและพัฒนาก้าวหน้าไปด้วยดี และยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยือนอินโดนีเซีย ในสัปดาห์หน้า
จากนั้น คณะเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียน จาก กัมพูชา บรูไนดารุสซาราม ฟิลิปินส์ มาเลเซีย ลาว สหภาพเมียนมาร์ สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรี และแสดงความเชื่อมั่นในการสานต่อความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือในระดับทวิภาคีในทุกด้าน รวมถึง ต่างเชื่อมั่นว่าอาเซียนจะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อผลักดันและเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป นอกจากนี้ แต่ละประเทศได้แสดงความกระตือรือล้นในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยือนประเทศภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้ ด้วย
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวคณะทูตฯ ว่า หวังว่าการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่อินโดนีเซีย จะได้มีการหารือ เพื่อขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศฯสมาชิก และภูมิภาค ซึ่งอาเซียนจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงต่อไป ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการประชุมฯจะประสบความสำเร็จด้วยดี อีกทั้ง ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกาจะมาร่วมประชุมฯในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ร่วมมือและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงร่วมกันต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศในอาเซียน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะกับคณะทูตานุทูต หัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ และกงสุลต่างประเทศที่ประจำการอยู่ที่ประเทศไทย โดยใช้โอกาสนี้กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับสารแสดงความยินดีที่ได้รับจากประเทศต่างๆ หลังจากที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป และแสดงความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศชาติ การเมือง เศรษฐกิจและสังคม ให้มีความมั่นคงเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง
พร้อมกล่าวกล่าวย้ำ สิ่งที่รัฐบาลให้ลำดับความสำคัญสูงสุด 4 ประการ ได้แก่ 1. รัฐบาลจะเร่งสร้างความปรองดองสมานฉันท์และนำความสามัคคีกลับสู่สังคมไทย สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้
2. รัฐบาลจะเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนควบคู่กับการค้าและกาลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ด้อยโอกาส
3. รัฐบาลจะเดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2015 (พ.ศ.2558) ประเทศไทยจะมีบทบาทนำในอาเซียน เร่งสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งความเชื่อมโยงกันในภูมิภาค (Connectivity) และการเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน พร้อมสร้างความตระหนักแก่ประชาชนให้มีส่วนร่วมในการเป็นประชาคมอาเซียน
4. ในระดับนานาชาติ รัฐบาลให้คำมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ รักษาสันติภาพและความรุ่งเรืองของโลก ไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงและความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก และเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจโลก ผ่านการค้า การลงทุน และการเจริญเติบโตด้านอุตสาหกรรม
พร้อมกับได้ย้ำกับคณะทูตานุทูตว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ภายใต้บทบาทที่เข้มแข็งและกระตือรือร้นเพื่อการสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองของโลกให้ดีกว่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น นายปีเตอร์ ชาน เจอร์ ฮิง เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทูตานุทูต กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในเวลานี้ ที่เรากำลังจะก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยมีบทบาทที่สำคัญในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ยังกล่าวว่า ไทยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าของโลก ในศตวรรษที่ 21 นี้ ทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และยังมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในเวทีระหว่างประเทศ ภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้ง ในกรอบอาเซียน (ASEAN- สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้), การประชุมผู้นำอาเซียน+3 (ASEAN + 3), เอเปค (APEC-ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย- แปซิฟิก) , การประชุมเอเชีย - ยุโรป (ASEM) ทั้งในระดับอนุภูมิภาค และภูมิภาค ในการนำมาซึ่งความสงบสุข สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของโลก ร่วมกับนานาประเทศ