มท.1 เผยรัฐบาลเตรียมทบทวนมติ ครม.ฟื้นเอ็มโอยูไทย-กัมพูชาปี 2544

ข่าวการเมือง Monday September 12, 2011 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ตอบกระทู้ถามด่วนเรื่องกรอบการเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการร่วมลงทุนผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันบริเวณพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยของนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา โดยระบุว่ารัฐบาลเตรียมทบทวนมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 10 พ.ย.52 ที่รัฐบาลชุดก่อนให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิทับซ้อนซ้อนกัน พ.ศ.2544 ไปแล้ว

นายยงยุทธ กล่าวว่า รัฐบาลยึดถือตามแนวทางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 ที่กำหนดให้รัฐที่มีฝั่งทะเลตรงข้ามหรือประชิดกันกำหนดเขตทางทะเลด้วยการตกลงระหว่างกันเพื่อให้บรรลุผลเที่ยงธรรม และหากไม่สามารถบรรลุผลการตกลงระหว่างกันได้จะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้มีข้อตกลงชั่วคราวร่วมกันสำหรับใช้ปฎิบัติ โดยจะไม่ต้องกระทบต่อการกำหนดเขตแดนทางทะเลในขั้นสุดท้าย

"ไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิในไหล่ทวีปและเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทยมาตั้งแต่ พ.ศ.2515-2516 โดยมีการเจรจามานานกว่า 30 ปี แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ รัฐบาลทั้งสองประเทศจึงได้ทำข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 2544 เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการเจรจาระหว่างกันแบ่งเขตแดนให้ชัดเจนและการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน" นายยงยุทธ กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาข้อดีข้อเสียและขั้นตอนแนวทางการเจรจาเอาไว้แล้ว โดยรัฐบาลยึดประโยชน์ของประเทศและจะเสนอกรอบการเจรจาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190

"ตอนนี้มีพื้นที่ทับซ้อนกัน 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิการอ้างสิทธิอธิปไตยของตัวเอง ไทยและกัมพูชาต่างไม่ยอมสิทธิการอ้างเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างกัน แต่ปัญหาพื้นที่ทางทะเลจะต้องแก้ไขด้วยการเจรจาเหมือนกับที่เคยใช้แนวทางนี้กับประเทศมาเลเซียจนเป็นผลสำเร็จเมื่อปี 2522 การเจรจาจะต้องไม่กระทบสิทธิของแต่ละประเทศ" นายยงยุทธ กล่าว

ทั้งนี้ นายคำนูณ ได้ตั้งกระทู้ถามด่วนเรื่องดังกล่าว เพื่อขอความชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่าจะใช้หลักเกณฑ์ใดไปเจรจาในเมื่อรัฐบาลชุดที่แล้วมีมติ ครม.ให้ยกเลิกเอ็มโอยูปี 2544 ไปแล้ว

"ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานั้นมีมานาน และควรหาแนวทางเพื่อให้เกิดการแก้ไขที่เป็นระบบ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อนำองค์ความรู้จากประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไขของรัฐบาลหรือเห็นต่างมาทำเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ได้แก่ เขตแดนทางบก, เขตแดนทางทะเล, การแสวงหาผลประโยชน์ทางพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย" นายคำนูณ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ