นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ปฏิเสธข้อกล่าวหาของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ระบุว่าตนเองเคยเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา โดยพกเอกสารแผนที่สำคัญมาหารือด้วย
"น่าเสียดายเรื่องที่เกิดขึ้น ผมพยายามที่จะแสดงความเป็นมิตรไมตรีกับสมเด็จฮุนเซนมาตลอด โดยทั้งผมและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตีฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พยายามแสดงความจริงใจ และให้ความเคารพในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้านที่ดำรงตำแหน่งมายาวนาน ไปหามาตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน เพราะคิดว่าประเทศไทยกับกัมพูชาต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติ จึงแสดงให้ฝ่ายกัมพูชาเห็นถึงความจริงใจที่จะคบหาเป็นมิตรกัน ทั้งที่เข้าใจดีว่า สมเด็จฮุนเซนมีความสัมพันธ์พิเศษกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเองเคยติดต่อกับสมเด็จฮุนเซนเพื่อให้มาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศไทยจัดขึ้น และเคยไปพบที่บ้านของสมเด็จฮุนเซนจริง แต่ได้คุยเรื่องทั่วไปหลายเรื่อง ที่สำคัญคือ ได้คุยประเด็นเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษ จนนำมาสู่การปล่อยนักโทษชาวไทยมุสลิม 2 คน
ส่วนการเจรจาเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ในทะเลนั้น สมเด็จฮุนเซนได้บอกกับตนว่าได้มอบหมายให้นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะเจรจากับตนเองในฐานะตัวแทนฝ่ายไทย ซึ่งตอนที่คุยกัน นายซก อาน ไม่ได้อยู่ในประเทศกัมพูชา ตนเองจึงพยายามติดต่อหารือกับนายซก อาน ตามที่เป็นข่าว
"การหารือที่บ้านสมเด็จฮุนเซน ไม่ได้หอบเอกสารอะไรมาเป็นพิเศษ เอกสารก็เป็นที่รู้กันอยู่ในคณะกรรมการฯ ที่กระทรวงต่างประเทศ ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องลับตามที่อ้างว่ามีการนำเอกสารที่แบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า เป้าหมายใหญ่ของตนเองคือไปหารือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ แต่เมื่อกรณีดังกล่าวถูกนำมาเป็นประเด็นการเมือง ตนเองก็ขอถามว่าความจำเป็นที่ฝ่ายไทยต้องรีบพัฒนาทรัพยากรในอ่าวไทย กับความจำเป็นที่ประเทศกัมพูชาต้องรีบพัฒนาทรัพยากรในอ่าวไทยว่า ฝ่ายไหนเร่งรีบและเร่งร้อนกว่ากันแน่ หากตอบคำถามได้ก็จะรู้ว่าฝ่ายใดเป็นคนเร่งรัด ริเริ่มที่จะมีการเจรจา ตนเองแจ้งกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และนายซก อาน แล้วว่ายินดีจะให้ความร่วมมือเพื่อให้กระบวนการเจรจาสำเร็จเสร็จสิ้นในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยได้อธิบายมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญไทยให้ฟัง ข้อเท็จจริงมีเท่านี้ แต่พอพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ท่าทีผู้นำกัมพูชาก็ต้องเปลี่ยนไป
"ผมเข้าใจดี แต่ขอฝากไปถึงท่านนายกฯ ฮุนเซนว่า ท่านก็น่าจะทำเรื่องเพียงแค่ปกป้องชื่อเสียงของประเทศ แต่ไม่ควรจะมาโจมตีผม เพราะจะกลายเป็นท่านเข้ามายุ่งกับเรื่องการเมืองในประเทศไทยมากเกินไป ผมคงไม่ปฏิบัติกับท่าน อยากจะเรียนว่า รัฐบาลไทยอยู่วันหน้าอาจจะไปก็ได้ ถ้ามีเหตุการณ์เปลี่ยน แต่ผมอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชายังดี ไม่อยากทะเลาะเบาะแว้งกับนายกฯ ฮุนเซน" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ยืนยันว่า รัฐบาลในขณะนั้นไม่ได้หยิบยกเรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมาเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เมื่อได้ไปพบกันก็คุยว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ซึ่งที่จริงมันมีมากกว่านี้ ตั้งแต่เรื่องเขตแดน การเปิดด่าน
"ผมอยากจะเรียนอย่างนั้น แต่เดี๋ยวทะเลาะกันอีก เลยพยายามระมัดระวัง เอาเป็นว่าฝ่ายกัมพูชามีความกังวลใจ ด้วยมีการเจรจากันหลายรัฐบาลแล้ว และเขาก็อยากเจรจาให้แล้วเสร็จ และอยากจะถามความจริงใจของเราว่าเราพร้อมไหม ซึ่งผมก็บอกว่ายินดี" นายสุเทพ ชี้แจงเมื่อถูกถามว่าฝ่ายที่เปิดฉากคุยเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลคือสมเด็จฮุนเซนใช่หรือไม่
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเองคิดว่าสมเด็จฮุนเซนเลือกข้างชัดเจนแล้วว่าจะเลือกข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ทั้งหมดที่ทำคือเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเอง ไม่ใช่ปกป้องผลประโยชน์กัมพูชา นั่นก็เพราะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีผลประโยชน์ร่วมกับกัมพูชาและสมเด็จฮุนเซน จึงย้อนกลับมาเล่นงานตนเอง ซึ่งก็เข้าใจ
ส่วนการทำหนังสือถึงนายซก อาน ชี้แจงในประเด็นแถลงการณ์องค์กรปิโตรเลียมกัมพูชาที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนแรกเตรียมส่งหนังสือกลับไปชี้แจงในฐานะบุคคลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะอย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องรักษาไว้
"วันข้างหน้าเผื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ต้องคบกัน ไม่ควรใส่ร้ายกัน เพราะกรณีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องระหว่างประเทศ แต่เป็นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกผม แต่พอสมเด็จฮุนเซนออกมาพูดแบบนี้ ผมก็เข้าใจว่าทั้งหมดสมเด็จฮุนเซนเป็นผู้สั่งการ ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะเขียนจดหมายถึงนายซก อาน อีก" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า การปล่อยข่าวเรื่องการเจรจาลับเพื่อหวังกลบเกลื่อนเรื่องความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมเด็จฮุนเซนคิดอ่านร่วมกัน กับพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล โดยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นครั้งคราวเพื่อกลบเรื่องอื่น
"ขณะนี้มีข่าวเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายจำนวนมาก จึงมีเรื่องนี้ขึ้นมา พอพ้นเรื่องนี้ก็จะเล่นเรื่องเขาแพงของลูกชายผม เรื่องศพที่ จ.ระยอง เรื่องสลายการชุมนุม เชื่อว่าจะเอามาใหม่อีก" นายสุเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตามการเจรจาผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะต้องแจ้งให้รัฐสภาเพื่อขออนุมัติ และหากมีการดำเนินการจริง รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็จะดำเนินการแบบที่ตนเองทำมาเช่นกัน นั่นคือสมเด็จฮุนเซนกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะคุยกันนอกรอบก่อนว่าจะเจรจาอย่างไร ก่อนจะยกร่างเป็นกรอบ เพื่อให้คณะทำงานมีการดำเนินงานร่วมกัน แล้วเสนอต่อสภาเพื่อขออนุมัติ