นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษกครม.เงา แถลงผลการประชุมครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีทั้งหมด 6 หัวข้อ โดยหัวข้อที่ 1 คือปัญหาน้ำท่วมที่เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งในมติครม.เงานั้นก็ได้มีการร้องขอให้รัฐบาลทำการตรวจทานรายการแต่ละจังหวัดให้ครอบคลุมในพื้นที่ เนื่องจากว่าเมื่อได้ดูในรายการที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นพื้นที่ให้การช่วยเหลือแล้ว พบว่ามีบางจังหวัดตกไปอาทิ จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสตูล ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลชุดปัจจุบันทำการทบทวนจังหวัดที่ประสบภัยมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
หัวข้อที่ 2 ขอให้รัฐบาลเร่งรัดในการออกมาตรการฟื้นฟูพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน เนื่องจากว่าน้ำท่วมครั้งนี้มีปริมาณน้ำจำนวนมาก และปัญหาที่ตามมาคือปัญหาการเกิดน้ำท่วมขัง โดยรัฐบาลที่ผ่านมามีการช่วยเหลือด้วยการให้เงินส่วนต่างประกันรายได้ และมีการช่วยเหลือในการให้พันธุ์ข้าว 1 ไร่ ต่อ 10 กิโลกรัม ซึ่งการให้พันธุ์ข้าวก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดที่แล้วให้ความสนใจเข้าไปฟื้นฟู ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลชุดปัจจุบันเร่งรัดให้เกิดมาตรการในการฟื้นฟูภายหลังน้ำท่วมเพื่อความชัดเจนด้วย
หัวข้อที่ 3 ในที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีเงาแต่ละคน ได้พิจารณางบต่าง ๆ ในรายการกระทรวงว่ามีเรื่องไหนขาดตกบกพร่องในการช่วยเหลือประชาชน และขอเร่งรัดให้การทำงานของครม.เงา ควบคู่ไปกับครม.หลักด้วย
หัวข้อที่ 4 เรื่องรถยนต์คันแรก ภายหลังที่รัฐบาลได้มีมติครม.ไปแล้ว ครม.เงา ของพรรคประชาธิปัตย์มีมุมมองที่แตกต่าง และไม่เห็นด้วยกับโครงการรถคันแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยมีสาเหตุมาจากว่า โครงการรถยนต์คันแรกต้องใช้งบประมาณสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่าจำนวนเงินขนาดนี้น่าจะนำไปใช้ปรับปรุงเรื่องระบบคมนาคม ขนส่งมวลชนให้ดีขึ้น
การส่งเสริมรถยนต์คันแรก เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดแล้ว ปรากฎว่าเป็นการบิดเบือนในการกลไกในการส่งเสริมพลังงานทดแทน ในเรื่องนี้ โฆษกครม.ให้คำอธิบายว่า ภาษีที่จะต้องคืนกลับนั้น มีการคืนภาษีที่แตกต่างกัน อย่างกรณีของรถกระบะ มีการคืนภาษี 3% รถอีโคคาร์ ได้รับการคืนภาษี 17% และรถทั่วไป คืนกลับไป 30% มาตรการลักษณะนี้จะเข้าไปทำลายกลไกในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนั้นผลิตยานยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน เพราะขณะนี้ทุกคนได้อัตราส่วนลด 0% เท่ากันหมด ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่อทิศทางพลังงานไทยในอนาคต
"การออกมาตรการรถยนต์คันแรก จะทำให้ไปกระทบต่อเรื่องการบิดเบือนการส่งเสริมพลังงานทดแทน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ผลิตเอธานอล ได้แก่โรงงาน และชาวไร่มัน ไร่อ้อย"นายอรรถวิชช์ กล่าว
นอกจากนี้ โฆษกครม.เงา ยังได้กล่าวถึงมาตรการที่เกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าว พบว่า พี่น้องประชาชนที่อยู่ในภาคเกษตกรใช้รถกระบะ 2 ประตู กลับได้รับส่วนลดน้อยมาก โดยได้คืนภาษีเพียง 3% ดังนั้นโครงการนี้จะมาบอกว่าไปตกกับพี่น้องเกษตรกรน้อยมาก
สำหรับในเรื่องที่เกี่ยวกับการโยกย้ายข้าราชการ ที่ประชุมครม.เงา มีข้อสรุปว่าจะนำเรื่องนี้ไปตั้งเป็นกระทู้สดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสฯ นี้ ดังนั้นจึงขอให้ติดตามดูลักษณะการโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งมีลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกตัวเอง
โฆษกครม.เงา กล่าวถึงเรื่องกฎหมายที่มีการค้างพิจารณา ในรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 293 ฉบับ โดยคณะรัฐมนตรีเงา มีมติว่า ในส่วนที่เป็นร่างที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรีเก่าสมัยรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ทุกฉบับขอให้รัฐบาลนี้หยิบยกขึ้นยืนยัน ยกเว้นเพียงร่างเดียว คือร่างพรบ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการกู้เงินในจำนวน 4 แสนล้านบาทอีกแล้ว ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนเรื่องรับจำนำข้าว ที่ประชุมครม.เงา มีความกังวลใจในเรื่องการเสนอให้รัฐบาลไม่ควรกำหนดระยะเวลาในการสิ้นสุดโครงการจำนำข้าว เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจนว่า จะรับจำนำข้าวทุกเม็ด ดังนั้นจึงไม่ควรประกาศระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เพราะรัฐนั้นเปลี่ยนบทบาทเข้ามาเป็นผู้รับซื้อข้าวทุกเม็ด นอกจากนี้ ครม.เงา ขอทวงสิทธิ์ให้กับผู้ที่มีโอกาสจะได้ส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ แต่ไม่ได้เงินส่วนต่างจากโครงการ นั่นคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งนี้ให้รวมถึงผู้ที่ปลูกข้าวกินเองด้วย ดังนั้น จึงขอร้องเรียนให้รัฐบาลช่วยเข้ามาดูแลคนกลุ่มนี้ด้วย สำหรับเรื่อง งบบริหารของโครงการจำนำที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน ทางที่ประชุมครม.เงา ก็มีความสนใจว่างบการบริหารโครงการมีจำนวนเงินสูง และไม่ได้ตกถึงมือพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.เงา ยังมีเรื่องท้วงติงเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว คือขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคาข้าวถุง เพราะข้าวถุงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นนั้นจะส่งผลให้ราคาข้าวแกง มีราคาเพิ่มขึ้นแน่นอน อย่างน้อย 50 สตางค์ โดยจะไปผนวกกับการขึ้นราคาแก๊สแอลพีจีที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน อันจะส่งผลให้อาหาร ข้าวปรุงสำเร็จ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง มีราคาเพิ่มขึ้น อย่างที่เรียกว่า “กระชากขึ้น" พร้อมทั้งได้กำชับไปยังรัฐมนตรีพาณิชย์ให้กำกับดูแลเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนโดยรวม