นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศเงา กล่าวถึงการเดินทางไปเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 — 16 กันยายนนี้ว่า มีข้อสังเกต 2 ประการว่า เหตุใดจึงบังเอิญเดินทางไปช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง ๆ ที่สามารถจัดเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ได้ ไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่
และการเดินทางครั้งนี้มีการสอดประสานเรื่องผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งอาจนำไปสู่การมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
นอกจากนี้มองว่า การเดินทางไปกัมพูชาของนายกฯ และอดีตนายกฯ ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณอยู่ในสถานะถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี จากศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ พยายามปฏิเสธไม่ทราบเรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณ เดินทางไปกัมพูชา ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่านายกฯ จะไม่ทราบ เพราะเรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณไปกัมพูชาเป็นเรื่องที่เป็นข่าวรับรู้กันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งผู้นำของรัฐบาลกัมพูชาเองก็ออกมายืนยันเรื่องนี้
ดังนั้น จึงขอสอบถามนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า เมื่อท่านทราบว่าพี่ชายอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นผู้ร้ายข้ามแดน 1) ท่านนายกฯ จะดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปด้วยความถูกต้องเหมาะสม
เมื่อทราบเรื่องนี้แล้ว 2) ท่านคำนึงถึงประมวลกฎหมายอาญา ม.157 เรื่องผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ 3) ท่านคำนึงถึง ป.อาญา มาตรา 189 และมาตรา 192 ที่บัญญัติถึงการซ่อนเร้นช่วยด้วยประการใดให้ผู้ที่หลบหนีจากการคุมขังตามอำนาจศาลเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมหรือไม่
สำหรับในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ รมว.ต่างประเทศควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม อัยการ ตำรวจ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนแล้ว ไม่ควรเพิกเฉยหรือมีเจตนาไม่ดำเนินการใด ๆ
นายองอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางไปเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชาเป็นเรื่องดีที่พึงปฏิบัติ แต่ควรคำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมและการไม่กระทำผิดตามกฎหมายต่าง ๆ ของประเทศไทยด้วย ซึ่งจะทำให้ระบบนิติรัฐของไทยเข้มแข็งมากขึ้น