นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงนี้ ไม่ได้เกิดจากนโยบายเร่งปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล หรือเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ หรือความต้องการในการแบ่งแยกดินแดน แต่น่าจะมาจากปัญหาความคับแค้นใจจากการไม่ได้รับความยุติธรรมและความเสมอภาค รวมถึงปัญหาความยากจน
"เหตุการณ์ไม่สงบก็เหมือนลูกคลื่น บางครั้งก็ไม่สูง บางครั้งก็สูง เป็นอย่างนี้มาตลอด...ปัญหาภาคใต้ต้องมองภาพรวมทั้งหมด ขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการปราบปรามยาเสพติด หรือการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่" รองนายกฯ กล่าว พร้อมยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุจากความไม่เป็นเอกภาพของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตน รวมทั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รักษาการ ผบ.ตร.)ร่วมกันทำงาน โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้น จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องการข่าวและแนวทางการปฏิบัติ
นายยงยุทธ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยรับรายงานด้านการข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่าจะมีการก่อเหตุขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขนาดนี้ รวมทั้งเห็นว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ อาจจะมีหลายฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย, กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
ส่วนกระแสข่าวที่จะให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มานั่งเป็น ผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลและ กอ.รมน.ยังไม่ได้ตกลงกัน โดยยังอยู่ระหว่างพูดคุยกันอยู่
ส่วนการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(20 ก.ย.) โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการโยกย้ายข้าราชการที่มีความสนิทกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยมาก่อน แต่จะพิจารณาจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และข้าราชการในกระทรวงมีความเชื่อมั่น ประชาชนรับได้ และตนสามารถชี้แจงได้
"ผมยอมรับในความสามารถของคุณวิเชียร(วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย) แต่ห้วงเวลาหนึ่ง ความเหมาะสมก็อาจจำเป็นต้องมีงานอย่างอื่นที่มีความสำคัญกว่า ห้วงเวลาหนึ่งเหมาะสมกับที่หนึ่งมากกว่า แต่ไม่ใช่เรื่องของความไม่ดี ความไม่รับผิดชอบ ไม่มีประสบการณ์ ไม่เกี่ยวข้องกันเลย" นายยงยุทธ กล่าว
สำหรับเหตุผลที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ เพราะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการบริหารงานของรัฐบาล และมีข้าราชการหลายคนจะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีส.ส.ในพรรคชี้นำการตัดสินใจครั้งนี้ได้
"จริงๆ ผมรักกระทรวงมหาดไทยเป็นที่สุด เพราะเกิดและเติบโตที่นั่น ดังนั้นสิ่งที่จะฝากไว้และจะทำให้กระทรวงมหาดไทยต้องเป็นหน่วยงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขได้อย่างแท้จริง ถ้าจะทำอย่างนั้นต้องเป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์" รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว