ปชป.ชี้นายกฯไร้ภาวะผู้นำเหตุไม่แสดงท่าทีชัดเจนปมพื้นที่พิพาทพระวิหาร

ข่าวการเมือง Monday September 19, 2011 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอรรถพร พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ชี้ภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย กรณีไม่กล้าแสดงท่าทีที่ชัดเจนถึงอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่พิพาทบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร จนกระทั่งถูกสังคมกดดันให้ต้องไปแสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ค

"นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่กล้าแม้แต่จะประกาศอย่างเป็นทางการต่อสาธารณะชนว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของประเทศไทย จนกระทั่งเกิดกระแสกดดันจึงแอบไปประกาศอธิปไตยของชาติในเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นเรื่องตลกขบขันไปทั้งโลก และทำให้ภาวะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เหลือเท่ากับศูนย์ในทันที" นายอรรถพร กล่าว

รองโฆษก ปชป.ยังเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง อย่าก้าวพ้นความเป็นชาติ โดยให้สำนึกอยู่เสมอว่าตนเองเป็นคนไทยที่มีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยเป็นหลัก มิใช่มุ่งประโยชน์ของพรรค ของกลุ่ม หรือประโยชน์ส่วนตัว

เพราะการแสดงออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงพิสูจน์ให้เห็นว่า คนเหล่านี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชาในเชิงความสัมพันธ์ส่วนตัวและกลุ่มการเมืองมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และพร้อมจะเป็นเครื่องมือซึ่งกันและกัน เช่น การที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ฉีกทำลายขนบธรรมเนียมการทูต และทำตัวเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย หรือกรณีที่อดีต รมว.ต่างประเทศบางคนทำตัวเป็นรัฐมนตรีเขมร รวมถึงเหตุการณ์สงครามระหว่างไทยและกัมพูชาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

รองโฆษก ปชป.ยังกล่าวตอบโต้นายนพดล ปัมทะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เสนอเงินรางวัล 40 ล้านบาทให้หากมีหลักฐานที่แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีผลประโยชน์ทับซ้อนในแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอ่าวไทย โดยระบุว่า นายนพดลไม่จำเป็นต้องเสนอเงินรางวัลใดๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำหน้าที่รักษาประโยชน์ของชาติอยู่แล้ว และขอให้นายนพดลแสดงความร่ำรวยด้วยการเอาเงินจำนวนนั้นไปใช้คืนมูลนิธิอานัทมหิดลที่ได้ทุนเล่าเรียนจนเป็นเศรษฐีอยู่ในทุกวันนี้

"คนที่ได้รับทุนนี้มีหน้าที่กลับมาทำงานรับใช้แผ่นดินไทย แต่นายนพดลก็ได้ก้าวข้ามความเป็นชาติและทำให้คนไทยผิดหวังด้วยการไปออกแถลงการณ์ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารฝ่ายเดียว ถ้านายนพดลสำนึกได้และแบ่งเงินของตนไปใช้คืนทุนบ้างก็จะเป็นการลดความเสื่อมเสียไปได้ในระดับหนึ่ง" นายอรรถพร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ