นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ตอบกระทู้เรื่องการจ่ายเงินชดเชยเงินส่วนต่างที่ยังค้างในช่วงเปลี่ยนโครงการประกันราคามาเป็นการรับจำนำและนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรของนายนราพัฒน์ แก้วทอง สส.พิจิตร พรรคประชาธิปัตย์ว่า เงินชดเชยส่วนต่างคือเงินประกันนั้น รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถดำเนินการให้ได้
สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีข้าวมาจำนำเพราะไร่นาเสียหายจากน้ำท่วมนั้น ที่ประชุมครม.ได้มอบหมายให้ตนเองและรมว.เกษตรฯไปศึกษาหาทางเยียวยาแล้ว แต่หากจะให้นำนโยบายประกันกลับมาอีกรัฐบาลคงไม่ทำ แต่จะดูแลเกษตรกรยาวไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ. 55 ที่ยังมีการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย โดยจะดูแลให้เหมาะสมตามภาวะอันควร ให้เกษตรกรกลับมายืนหยัดต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่รัฐบาลไม่เลือกใช้นโยบายประกันรายได้ แต่เลือกใช้นโยบายจำนำ เพราะมีแนวโน้มว่าข้าวที่เกษตรกรนำไปขายให้โรงสีจะต่ำกว่ากลไกราคาปกติ รัฐบาลนี้คิดว่าการรับจำนำจะทำให้กลไกราคาข้าวมีประสิทธิภาพมากกว่า ส่วนข้อท้วงติงตนนั้นรับไปและจะป้องกันไม่ให้เกิดความรั่วไหล
"ทุกนโยบายล้วนมีข้อดีข้อเสียอยู่ การประกันรายได้ก็มีข้อดี แต่ก็มีการทักท้วงจากนักวิชาการเช่นกัน ซึ่งต้องรอการพิสูจน์ โดยเฉพาะราคาประกันที่ต่ำกว่าราคาในท้องตลาด ขณะที่หากขาดความระมัดระวังอาจมีการชดเชยให้กับผู้ที่ไม่ได้ปลูกข้าวจริง การประกันรายได้ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แม้บางส่วนไม่มีข้าวมาแสดง แต่ก็มีการได้ส่วนต่างไปแล้ว" นายกิตติรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ นายนราพัฒน์ ยังแสดงความเป็นห่วงว่า เกษตรกรที่ไร่นาเสียหายเพราะน้ำท่วมจะเอาข้าวที่ไหนไปจำนำ และมองว่าข้าวที่จะมาจำนำคือข้าวจากโรงสีที่เอาไปสวมสิทธิ ส่วนนี้จะเกิดความเสียหายมหาศาลกว่าโครงการประกันราคาเท่าไหร่
"จะช่วยคน 4 แสนกว่าราย ที่ไม่มีข้าวไปจำนำอย่างไร จะป้องกันข้าวที่ไปอยู่ในมือโรงสีแล้วเอามาสวมสิทธิโครงการรับจำนำอย่างไร" นายนราพัฒน์ กล่าว