นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์โครงการบ้านหลังแรกที่ขยายเพดานราคาบ้านสูงถึงหลังละ 5 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 ล้านบาท เพราะต้องการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของครอบครัวนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเท่าที่ทราบบริษัทเอกชนที่ถูกวิจารณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายเพดานราคาบ้านครั้งนี้ ทำบ้านขายในราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท
และการวิจารณ์มักเกิดขึ้นเสมอไม่ว่ารัฐบาลจะกำหนดเงื่อนไขลักษณะใด เช่น ถ้ากำหนดราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท ก็จะถูกวิจารณ์ว่ามีเจ้าของโครงการไม่กี่รายที่จะได้ประโยชน์และฝนตกไม่ทั่วฟ้า ดังนั้นการที่ครอบครัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นเรื่องโปร่งใสที่สังคมรับรู้ ไม่มีอะไรปิดบัง จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องกำหนดนโยบายเอื้อประโยชน์ใดๆ
สำหรับสาเหตุที่ต้องขยายเพดานราคาบ้านเพิ่มขึ้น เพราะคำนึงถึงการอยู่อาศัยเป็นครอบครัว และหลักการที่ใช้การคืนภาษีก็เพราะต้องการให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มคนที่จ่ายภาษีให้กับรัฐบาล เพื่อเป็นการตอบแทนให้กับผู้เสียภาษีในระบบซึ่งมีจำนวนประมาณ 4-5 ล้านรายเท่านั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จ่ายภาษีทำประโยชน์ให้กับประเทศมามาก
"กรณีที่ต้องการมีที่พักอาศัยเพื่อครอบครัวเป็นบ้านหลังแรก ก็ควรได้รับการขอบคุณจากรัฐบาล และรัฐก็มองว่าผู้ที่มีรายได้อยู่นอกระบบเป็นผู้ที่มีรายรับสูงกว่ามนุษย์เงินเดือนจึงควรให้โอกาสกลุ่มมนุษย์เงินเดือนได้มีบ้านหลังแรกบ้าง" นายกิตติรัตน์ กล่าว
ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่าหลักการโครงการบ้านหลังแรกนั้นไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะทำโครงการบ้าน 0% ระยะเวลา 5 ปีนั้น นายกิตติรัตน์ยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายพรรคเพื่อไทย และไม่ได้มีการแถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา