ศาลอาญามีคำสั่งรับพิจารณาคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง, นายวชิระ เพ่งผล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน, พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บังคับการตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร, นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต, นายมงคล แสงหิรัญ, นายวรพันธ์ เย็นทรัพย์ และนายนัที เปรมรัศมี เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
"ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลและให้ประทับรับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2, 5, 6 และ 8 ส่วนจำเลยที่ 1, 3 และ 4 นั้น โจทก์เคยยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วในกรณีเดียวกัน และคดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน เป็นการฟ้องซ้อน พิพากษายกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 7 โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ศาลจึงนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น." คำสั่งศาล ระบุ
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหมดได้รับคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 71/2551 ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เป็นคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโจทก์ที่ถูกร้องเรียนรวม 4 กรณี ประกอบด้วย กล่าวหาว่า 1.โจทก์ทุจริตเงินงบประมาณที่ใช้ในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำความผิดในโครงการรับซื้อลำไยปี 2547 2.กรณีโครงการทุจริตจัดซื้อรถจักรยานยนต์ สายตรวจขนาด 200 ซี.ซี. พร้อมอุปกรณ์จำนวน 19,147 คัน
3.กรณีกล่าวหาว่า รีสอร์ทภูไพรธารน้ำของโจทก์ ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ถมหิน ดิน กรวด ทรายจำนวนมากล่วงล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อย แล้วยึดถือครองที่ดินที่บุกรุกแม่น้ำแควน้อย และ 4.กรณีกล่าวหาว่าโจทก์สั่งการให้กองบินตำรวจจัดเฮลิคอปเตอร์ใช้สนับสนุนภารกิจ ผบ.ตร.เพื่อใช้เดินทางไปพักผ่อนและดูแลกิจการรีสอร์ทภูไพรธารน้ำเป็นการส่วนตัว
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.51 จำเลยที่ 1—4 ร่วมกันมีหนังสือเชิญโจทก์ไปพบ ซึ่งโจทก์ทราบดีว่าจำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่จะทำการสอบสวน ต่อมาจำเลยที่ 1-4 ทำรายงานสืบสวนข้อเท็จจริงเสนอต่อนายกรัฐมนตรีอ้างว่าได้สืบสวนตามหลักเกณฑ์เสร็จแล้ว แต่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำการสอบสวนโจทก์แต่อย่างใด การเร่งรัดให้รีบแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยโจทก์โดยไม่ได้มีการพิจารณารายงานเสียก่อน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้ง จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามความผิดด้วย