นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เผยคณะทำงานด้านกฎหมายเตรียมพิจารณาดำเนินการยื่นถอดถอนนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ออกจากตำแหน่งอัยการสูงสุด(อสส.) กรณีมีคำสั่งไม่ยื่นฎีกาคดีหลบเลี่ยงภาษีการรับโอนหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น
"ดุลยพินิจของอัยการสูงสุดน่าจะมีปัญหา ซึ่งสามารถบิดเบือนโดยใช้ข้อกฏหมายได้ แต่ไม่สามารถบิดเบือนความรู้สึกของประชาชนได้ คณะทำงานด้านกฎหมาของพรรคประชาธิปัตย์จะได้พิจารณารายละเอียดเตรียมยื่นถอดถอนอัยการสูงสุด" นายสกลธี กล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.51 ว่าจำเลยทั้งสาม คือ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน มีความผิด โดยให้ลงโทษจำคุกนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมาน คนละ 3 ปี ส่วนนางกาญจนาภาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น โดยให้ยกฟ้องคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา เนื่องจากไม่มีความผิดในคดีดังกล่าว ส่วนนายบรรณพจน์ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี จากเดิม 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
และเมื่อวานนี้(26 ก.ย.) นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะโฆษก อสส.แถลงว่า สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ อสส.จึงมีคำสั่งไม่ฎีกาจำเลยทั้งสามในทุกประเด็น
รองโฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรคฯ กังวลว่าขณะนี้อาจเกิดปัญหาอำนาจทางการเมืองเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเหมือนกับช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 49 เพราะคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น อสส.ควรจะฎีกาเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะกรณีของนายบรรณพจน์ที่หลบเลี่ยงภาษีกว่า 200 ล้านบาทนั้นถือว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์
"ขอฝากเตือนข้าราชการทุกคน ให้ทำหน้าที่ในฐานะข้าพระบาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ของคนๆ เดียว อย่าเอาบั้นปลายอายุราชการมาใช้กับคนๆ เดียว และขอให้ประชาชนจับตาการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมว่ามาจากอำนาจทางการเมืองหรือไม่" นายสกลธี กล่าว