นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" เป็นครั้งแรก ที่ทำเนียบรัฐบาล ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยได้รายงานถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลังการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีหลายเรื่องที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในขณะนี้คือปัญหาน้ำท่วมที่หนักมาก เกิดขึ้นตั้งแต่ ก.ค.54 โดยยอมรับว่ากระบวนการระบายทำได้ยาก แม้เจ้าหน้าที่ได้พยายามบริหารจัดการแล้ว เพราะเมื่อมีการดำเนินการอีกด้าน จะถูกกระทบอีกด้าน โดยใน 12 จังหวัดที่น้ำท่วมอย่างหนัก จะได้เร่งหารือหาแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งวันนี้ตนเองจะได้ประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัด และรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายลงพื้นที่ดูแล
ทั้งนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) ทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และทุกส่วนราชการ เพื่อทำงานร่วมกัน และรับเรื่องร้องเรียนได้ 24 ชม. ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเตรียมรับสถานการณ์ การป้องกัน และการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว และมีการชดเชย เยียวยา ฟื้นฟูหลังน้ำลด เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลได้มีการเร่งรัดงบประมาณ โดยขยายวงเงินช่วยเหลือแต่ละจังหวัดเป็น 100 ล้านบาท และครม.ได้อนุมัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบครัวละ 5,000 บาท และเกษตรกรที่พื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย ได้รับชดเชย 2,222 บาท/ไร่ และมอบหมายให้กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลในพื้นที่
สำหรับเงินบริจาคจากการจัดงานรวมพลังไทยช่วยน้ำท่วม จำนวน 363 ล้านบาท มีคณะกรรมการจัดการดูแลการใช้จ่าย ซึ่งได้นำไปใช้ในการเพิ่มความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งเพิ่มเงินในการจัดการศพ เพิ่มเงินชดเชยบ้านเรือนเสียหาย เพิ่มเติมจากที่ภาครัฐได้จ่ายชดเชยให้ รวมทั้งการจัดซื้อเรือท้องแบน
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้นำกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการผันน้ำ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ ระดมเรือ 30 ลำ ในการปั่นกระแสน้ำระบายออกสู่ทะเลโดยเร็ว และวันพรุ่งนี้ตนเองจะได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามการชะลอน้ำที่ทะลักเข้าจังหวัดลพบุรี
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดซ้ำซาก จึงต้องมีการวางแผนแก้ปัญหาในระยะกลาง ระยะยาว โดยจะต้องมีการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ จึงได้ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านน้ำ และทุกภาคส่วน ร่วมระดมความคิดในการแก้ปัญหา เพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการจัดการน้ำ มีระบบป้องกันภัย เตือนภัย ระบบการชะลอน้ำ และทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจัดทำเป็น Master Plan ต่อไป