นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรค เปิดเผยว่า ทางพรรคได้ติดตามตรวจสอบกรณีการทุจริตกล้อง CCTVของกรุงเทพมหานคร พบการแอบถอดกล้องดัมมี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการถ่ายภาพเก็บไว้หมดแล้วและเตรียมส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบต่อไป
นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่เข้าชี้แจงกับคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล ที่พบความไม่ชอบมาพากลโครงการติดตั้ง CCTV 10,000 ตัวของผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันในหลายจุดเพิ่มเติม ทั้งเรื่องประสิทธิภาพของกล้องที่ไม่สามารถเชื่อมสัญญาณไปยังสำนักงานเขตหรือสถานีตำรวจได้ทุกจุดตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ขณะที่การประมูลมีแนวโน้มว่าจะทุจริต เพราะทุกบริษัทที่ประมูลงานได้ เหตุใดจึงใช้กล้องยี่ห้อเดียวกัน คือ STARDOC ทั้งที่ในตลาดมีกล้องกว่า 20 ยี่ห้อที่มีคุณภาพสูงและราคาถูกกว่ามาก เหมือนกับกรณีสายไฟเบอร์ออปติกที่มาจากแหล่งเดียวกัน ในราคาเมตรละ 400 บาท ทั้งที่หน่วยงานอื่นๆ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง ซึ่งซื้อสายดังกล่าวในราคาเมตรละ 48 บาท
ดังนั้นตนเองจึงยังไม่สนับสนุนการที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเอง เพราะเกรงว่าจะมีความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นและไม่น่าไว้วางใจ เพราะบุคคลที่มาเป็นคณะกรรมการล้วนแต่เป็นคนของ กทม.
ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหารัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้ติดกล้องพรางกว่า 7,000 ตัว นั้นพบว่า จากข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย โครงการดังกล่าวเป็นโครงการสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ได้ถูกยกเลิกกลางคัน ทั้งที่ติดตั้งได้เพียง 1,512 ตัว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะยื่นญัตติเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อน