นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจแนวพนังกั้นน้ำหลักหก เมืองเอก จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจสอบสถานการณ์น้ำและความแข็งแรงของพนัง ร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)และ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการ จ.ปทุมธานี รายงานข้อมูลต่อนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการเพิ่มแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้นจากแนวเดิมอีก 30 ซม.และแนวคันดินเพิ่มสูงอีก 20 ซม. ขณะที่ระดับระดับในคลองรังสิตยังทรงตัว แต่ขณะนี้ไม่สามารถปิดประตูระบายน้ำคลองหนึ่งได้จึงทำให้น้ำยังไหลลงมายังคลองรังสิต จึงขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยเจรจากับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อให้ยินยอมปิดประตูน้ำดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวคันกั้นน้ำหลักหกมีความแข็งแรงสามารถรับมือได้ เนื่องจากมีการเสริมแนวกระสอบทรายให้สูงเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กองทัพบกเข้าไปดูแลทำแนวกั้นน้ำในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม ประกอบกับปริมาณน้ำยังคงทรงตัวและมีการขุดคลองทั้งแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อระบายน้ำออกไปแล้ว จึงขอให้ประชาชนทั้งจังหวัดปทุมธานีและกรุงเทพมหานครมั่นใจได้
นอกจากนี้ในส่วนของรอยต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดอื่นๆอธิบดีกรมชลประทานได้ดำเนินการทำคันกั้นน้ำในอีกชั้นหนึ่งแล้วจึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรง
"ภาครัฐจะควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุดโดยมีทำแนวกั้นน้ำอย่างแน่นหนาและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ ทั้งนี้เรามองภาพรวมในการรักษาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศและจะดูแลไม่ให้กระทบบ้านเรือนมากที่สุด จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางโดยรถทหารไปตรวจแนวคันกั้นน้ำบริเวณใกล้เคียง"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านผู้ว่าฯ กทม ยืนยันว่า จะป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วม กทม .โดยหากคันกั้นน้ำที่หลักหกชำรุด ยังมีคันกั้นน้ำที่เมืองเอกสำรองไว้ โดยหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะสามารถซ่อมแซมและสูบน้ำลงคลองรังสิตได้ทัน พร้อมจะมีการเฝ้าระวังแนวคันกั้นน้ำตลอด 24 ชั่วโมง
และในวันนี้นายกรัฐมนตรีและเด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย รวมทั้งเพื่อนๆได้ร่วมกันแพ็คของบริจาคที่ศูนย์รับบริจาคของ ศปภ.พร้อมช่วยลำเลียงของบริจาคขึ้นรถเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งนี้โรงเรียนฮาร์โรว์ที่น้องไปป์ศึกษาอยู่ได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวน 1 คันรถมาบริจาคด้วย