นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ในวาระแรก ระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย.นี้ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะคณะกรรมการประสานงาน(วิป)รัฐบาล-ฝ่ายค้านได้จัดสรรเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาตามมาตรา 179 เพื่อพิจารณาการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชานั้นยังไม่มีการยื่นเรื่องเข้ามาให้ตนเองทราบ แต่หากมีการยื่นเรื่องเข้ามาและจะให้มีการประชุมในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เฉพาะเรื่องดังกล่าวเพียงวาระเดียวคงไม่ได้ คงต้องเลื่อนไปพิจารณาวันอื่นแต่ต้องก่อนวันที่ 21 พ.ย.54
ขณะที่การเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้นก็ยังไม่มีการยื่นเรื่องมาถึงตนเองเช่นกัน แต่หากรัฐบาลจะยื่นเรื่องมาอย่างช้าสุดภายในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ตนเองจึงจะบรรจุระเบียบวาระให้ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 11 พ.ย.ได้ทันที เพราะวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 11-12 พ.ย.54 เป็นการพิจารณาญัตติที่ค้างอยู่คือการแก้ปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถนำมาพิจารณาในคราวเดียวกันได้เลยทั้ง 2 สภา ส่วนจะใช้เวลาการประชุมร่วมรัฐสภากี่วันขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังปฏิเสธกระแสข่าวการสั่งเลื่อนประชุมสภาฯ เนื่องจากมีใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย และไม่เคยคิดหนีญัตติน้ำท่วม จะหนีไปเพื่ออะไร ถึงเลื่อนไปก็หนีไม่พ้น เพราะมันอยู่ในระเบียบวาระอยู่แล้ว สุดท้ายก็ต้องอภิปรายอยู่ดี เพียงแต่อาจช้าไป 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง แต่สาเหตุที่เลื่อนการประชุมสภาฯ เพราะต้องการให้ ส.ส.ลงพื้นที่ไปประสานงานให้การช่วยเหลือประชาชน และให้ฝ่ายบริหารได้ทำงานช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมาพะวงกับเรื่องการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การทำงานของรัฐบาลและฝ่ายบริหารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการมองต่างมุม ถ้าเถียงกัน 2 วันก็ไม่จบ
ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล ตนเองคงไม่วิจารณ์อะไรไม่ได้ แต่ในภาพรวมเห็นว่ารัฐบาลทำงานใช้ได้ ที่มองกันว่าแก้ปัญหาไม่ได้ ตรงนี้เป็นแค่การมองต่างมุม เพราะปัญหาเรื่องน้ำไม่สามารถคาดการณ์ได้ อีกทั้งการบริหารเรื่องน้ำท่วมก็เป็นการทำงานในภาพรวม มีผู้เชี่ยวชาญมากย่อมมองต่างมุมกันได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องตัดสินใจ อาจจะถูกบ้าง ผิดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ผิดเลยถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ นาทีนี้ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี