การประชุมร่วมรัฐสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ กรณีปัญหาภัยพิบัติอันเนื่องมาจากอุทกภัย เริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้ก่อนเริ่มการอภิปรายฯ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงฝ่ายค้านที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมา
จากนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก โดยระบุว่า การดูแลและแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัย รัฐบาลควรนำทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันแบบบูรณาการอย่างจริงจัง เพราะภาพวันนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น แต่ละกระทรวง แต่ละกรม แต่ละหน่วยงานยังไม่ได้เข้ามาทำงานและให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดังนั้นขอให้รัฐบาลพักเรื่องอื่นๆไว้ก่อน
พร้อมกันนี้ควรให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ไปค้างคืนตามที่ต่างๆ เช่น ดอนเมือง, ทวีวัฒนา เพื่อให้เข้าถึงประชาชน นอกจากนี้รัฐบาลควรใช้กระทรวงมหาดไทยและคนของกระทรวงมหาดไทยให้มากกว่านี้ เพราะมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่ากระทรวงอื่นๆ และเป็นกระทรวงที่ดูแลโดยตรง ควรเรียกผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่เข้าประจำในพื้นที่ต่างๆ แต่วันนี้รัฐบาลใช้คนไม่ถูกกับงานจึงเกิดปัญหา
ขณะเดียวกันสิ่งที่เห็นวันนี้มีแต่กองทัพที่เป็นหลักในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งๆ ที่ความจริงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล กองทัพมีหน้าที่แค่สนับสนุน อย่างไรก็ตาม หากวันนี้รัฐบาลไม่พร้อมใจและระดมทุกฝ่ายจริง จะทำให้ประชาชนต้องทุกข์แสนสาหัส
นายสุเทพ ได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำเรื่องแรกคือ การดูแลเรื่องอาหารซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำทันที โดยทำการตั้งโรงครัวในทุกพื้นที่ รัฐบาลต้องดำเนินการแจกถุงยังชีพให้กับประชาชนที่อยู่ในซอยลึก เพื่อให้สามารถช่วยดูแลตัวเองได้ การวางแผนเรื่องของการคมนาคม ที่ต้องมีการดำเนินให้เป็นระบบ ต้องทำให้เสร็จภายใน 1-2 วันนี้ กำหนดเวลาเดินทางให้ประชาชนเดินทางไปได้
นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนที่ควรจริงจังมากกว่านี้ ควรมีหน่วยแพทย์ไปตั้งตามพื้นที่ที่น้ำท่วมทุกแห่ง ควรให้ต่างจังหวัดตั้งจุดรับบริจาคน้ำดื่มเพื่อนำมาช่วยคน กทม. เพราะวันนี้น้ำประปาที่ดื่มแม้จะต้มแล้วก็อาจจะมีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ควรมีการดูแลเรื่องปัญหาสุขภาพจิต การเยียวยาหลังน้ำลดที่ต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะเงิน 5,000 บาท สำหรับคนกรุงเทพฯ คงไม่มีความหมายมากนัก ซึ่งอาจต้องมองไปถึง 40,000 - 50,000 บาท เนื่องจากบ้านเรือนและธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างมาก อย่างไรก็ดี รัฐบาลต้องลงพื้นที่สำรวจทุกพื้นที่ก่อนนำมาความนวนความเสียหายเพื่อชดเชยให้ประชาชนมีกำลังใจ