นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะลงพื้นที่วัดท่าโก ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำจังหวัดพิษณุโลก การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการแสดงว่าพรรคพร้อมที่จะร่วมกับทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูชีวิตประชาชนหลังน้ำลด และเลือกโรงเรียนเป็นสถานที่แรกเพราะเห็นว่าเป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งได้รบความร่วมมือจากประชาชนและมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยจะดำเนินการครอบคลุมทุกด้าน ทั้งเรื่องโครงส้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ อาชีพ สุขภาพ และการศึกษา ซึ่งจะดูว่าเยาวชนที่ได้รับผลกระทบด้านการเรียนจะต้องเสริมอย่างไร
ทั้งนี้จะประสานงานดับทุกภาคส่วนเพื่อระดมความคิดจากประชาชนทั้งในส่วนกลาง และระดับพื้นที่เกี่ยวกับการเตรียมการป้องกันสำหรับอนาคต โดยอาศัยภูมิปัญญาของชาวบ้านผนวกกับความรู้ของผู้เชี่ยวชาญและจะจัดเตรียมในเรื่องการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกัน การปฏิบัติตนในภัยพิบัติต่อไป ซึ่งจะทำในพื้นที่ประสบภัยที่มีความพร้อม ซึ่งได้ประสานงานกับทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจ เอกชน และประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การป้องกันภัยพิบัติในอนาคตต้องจัดเวทีเพื่อระดมข้อเสนอแนะสรุปให้คณะกรรมการที่มีหนาที่ฟื้นฟูต่อไป และที่ตนเลือกพื้นที่บางระกำเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูก็เพื่อส่งสัญญาณถึงรัฐบาลที่เคยประกาศนโยบาย บางระกำโมเดล ว่าอย่าเพิ่งทิ้งพื้นที่นี้เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่รอรับการฟื้นฟู ทั้งการชดเชยเยียวยา อยากให้รัฐบาลติดตามทำต่อเนื่อง
มีรายงานว่า ในระหว่างการแลกเปลี่ยนความเห็นกับเกษตรกรนั้นมีการแสดงความเป็นห่วงของเกษตรกรหลายรายว่า จะไม่ได้เงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ ในขณะที่รัฐบาลได้ตัดสิทธิ์เกษตรกรที่มีการเพาะปลูกก่อนวันที่ 1 ตุลาคมออกจากโครงการรับจำนำข้าวโดยให้รับสิทธิในการเยียวยาไร่ละ 1400 บาทแทน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด โดยเกษตรกรเห็นว่ารัฐบาลควรจเให้สิทธิเกษตรกรที่เพาะปลูกก่อนวันที่ 1 ตุลาคมด้วย เพราะเป็นคนละส่วนกับการเยียวยาเรื่องน้ำท่วม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก่อนที่จะทำการเพาะปลูก ซึ่งนายอภิสิทธิ์ รับที่จะสะท้อนปัญหาในสภาเพื่อให้รัฐบาลประกาศมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านสะท้อนถึงบางระกำโมเดลของรัฐบาลว่าไม่ได้มาจากชาวบ้านแต่มาจากข้างบน และชาวบ้านไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหาอะไร ไม่มีการสอบถามคนในพื้นที่ว่าต้องการตามที่ส่วนกลางกำหนดให้หรือไม่ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้กลีวปัญหาเรื่องน้ำท่วม แต่ต้องการให้มีการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับการทำการเกษตร ขณะที่ นางมณีชน แซ่ด่าน ชาวบ้านบางระกำ ได้กล่าวอย่างอัดอั้นตันใจว่า อยากฝากถามถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เหตุใดจึงไม่มีการระบายน้ำตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้คำแนะนำกับรัฐบาล แต่กลับทำตรงกันข้ามจนปัญหาบานปลายจึงคิดว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ แต่เป็นยิ่งเละมากกว่า
ชาวบ้านบางส่วนร้องเรียนเกี่ยวกับการถูกหักค่าหัวคิวเกษตรกรรายละ 2 ไร่ ไร่ละ 2200 บาทว่าหลังจากแจ้งความกับตำรวจคดียังไม่คืบหน้า โดยนายสุมาลี กลิ่นจันทร์ และนายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวบ้านหมู่ 10 บ้านคลองลึก ตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหสัดพิษณุโลกเล่าว่าได้เข้าแจ้งความที่ สภต. ชุมแสงสงคราม ให้ดำเนินคดีกบนายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้านและ สิบตรีณรงค์ฤทธิ์ เพชรพูล และนายอ๊อด เงินเขียว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เมื่อเกือบสองเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดี และยังมีปัญหาชาวบ้านที่น้ำท่วมบ้านไม่ได้เงินชดเชยครัวเรือนละ 5 พันบาท เนื่องจากไม่ใช่พรรคพวกของผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับมีการจ่ายเงินให้กับพรรคพวกตัวเองที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยได้นำเอาภาพถ่ายและหลักฐานมาแสดงต่อสื่อมวลชนและนายอภิสิทธิ์ด้วยและขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้า เนื่องจากเกิดความหวาดกลัวในเรื่องอิทธิพลเพราะมีการขี่มอเตอร์ไซด์ตามข่มขู่คุกคาม ทำให้ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน