นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะผู้เสนอญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาข้อเสนอลบล้างผลพวงของการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. จากคณาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภาจะพิจารณาญัตติดังกล่าวในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่งอยากจะเชิญฝ่ายค้านเข้ามาร่วมเป็น กมธ.เพื่อจะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่าคิดอย่างไรต่อการยึดอำนาจ
โดยสาเหตุที่ตนเองเสนอเพราะไม่ต้องการให้เกิดการยึดอำนาจขึ้นอีกในอนาคต และในอนาคตสภาฯ จะได้มีการขับเคลื่อนหรือออกกฎหมายเพื่อป้องกันการยึดอำนาจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ญัตติดังกล่าวสอดคล้องกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงหรือไม่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า เป้าหมายของตนคือต้องการปกป้องประชาธิปไตย แต่การดำเนินการจะมีผลพวงอะไรตามมานั้น ถือว่ายกประโยชน์ให้กับสังคมไป จุดนี้อาจรวมถึงการนิรโทษกรรมของผู้ที่ถูกยึดอำนาจด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดโทษหรือสรุปว่าเขาไม่มีความผิด เพียงแต่ให้ดำเนินการตามกฎหมายปกติ ไม่ใช่เป็นกฎหมายพิเศษหรือกรรมการพิเศษซึ่งตั้งโดยผู้มีอำนาจ
"ไม่ได้ต้องการไปล้างคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หายไป เพียงแต่เห็นว่าควรให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว โดยมีกระบวนการที่น่าเชื่อถือ และเมื่อผลออกมาอย่างไรก็เชื่อว่าสังคมจะยอมรับได้" นายก่อแก้วกล่าว
นายก่อแก้ว ยังกล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาตรวจสอบ CCTV ในภาคใต้ว่า ข้อมูลที่มีพบว่าการจัดซื้อจัดจ้างกล้อง CCTV ของรัฐบาลชุดที่แล้ว พบว่ามีการทุจริตแน่นอนใน เช่น 1.กรณีงบจัดซื้อจัดจ้างที่เดิมตั้งไว้ 960 ล้านบาท ต่อมามีการเปลี่ยแปลง TOR ใหม่ โดยลดเนื้องานลง 400 ล้านบาท แต่ยังจ้างผู้รับเหมาในราคาเดิมคือ 960 ล้านบาท 2. TOR ที่ใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างจริงนั้น ไม่ตรงกับ TOR ที่ได้รับอนุมัติจากครม.
นายก่อแก้ว กล่าวว่า จะส่งเรื่องต่อไปยัง กมธ.วิสามัญฯ เพื่อให้สอบในเชิงลึก และจะนำไปเปรียบเทียบ การซื้อกล้องใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปรียบเทียบกับการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของกทม.