ทำเนียบขาวแสดงความพอใจที่สหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่และมาตรการอื่นๆ ต่ออิหร่านและซีเรีย
เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียนขาวเปิดเผยว่า การที่อียูออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับสหรัฐในการคว่ำบาตรอิหร่านนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณอีกครั้งหนึ่งว่า ประชาคมโลกกำลังรวมตัวกันเพื่อขัดขวางรัฐบาลซีเรียภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีอัสซาดที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และขัดขวางรัฐบาลอิหร่านซึ่งปกครองประเทศด้วยความผิดพลาด เพื่อให้อิหร่านดำเนินการตามข้อบังคับของนานาประเทศ
นายคาร์นีย์ ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐชื่นชมการตัดสินใจของอียูในการกดดันทั้งสองรัฐบาลนี้ให้ยุติการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ และอียูพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมในอนาคต
ที่ประชุมรมว.ต่างประเทศกลุ่มอียูตัดสินใจออกมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมต่อซีเรียเมื่อวานนี้ เพื่อต่อต้านรัฐบาลซีเรียที่ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง โดยอียูตัดสินใจใช้มาตรการคุมเข้มในอุตสาหกรรมพลังงาน การเงิน การธนาคาร และการค้า รวมถึงการเพิ่มรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมในรายชื่อบัญชีดำ
นอกจากนี้ อียูยังประกาศคว่ำบาตรโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่มเติม โดยพุ่งเป้าไปที่การคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันและภาคการเงิน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมประท้วงของอิหร่านบุกโจมตีสถานทุตอังกฤษในกรุงเตหะราน
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สหภาพยุโรปดำเนินมาตรการต่อต้านซีเรียและอิหร่าน หลังนายเฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานสภายุโรป และนายโมเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประชุมร่วมกับนายบารัค โอบาม่า ประธานธิบดีสหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พ.ย. ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เกิดความโกลาหลในซีเรียจากกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ขณะที่สันนิบาตอาหรับและตุรกีก็ได้ออกมาตการคว่ำบาตรซีเรียในระยะนี้เช่นเดียวกับสหรัฐและอียูเ พื่อกดดันให้นายบาชาร์ อัสซาด ลงจากตำแหน่งประธานธิบดีซีเรีย แต่ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้น ซึ่งสหประชาติประมาณการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3,500 ราย