รอยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของยุโรป ได้ยุติการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในประเทศซีเรีย หลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศวานนี้
"ความปลอดภัยของพนักงานของเราคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เราหวังว่า สถานการณ์สำหรับชาวซีเรียจะดีขึ้นในเร็ววัน" โฆษกบริษัทน้ำมันของเนเธอร์แลนด์กล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นพี
สำหรับผลที่จะตามมาจากการที่เชลล์ถอนธุรกิจออกจากซีเรียนั้น ยังไม่เป็นที่ทราบชัดเจน
ทั้งนี้ อียูได้เพิ่มบริษัทน้ำมัน 3 แห่งเข้าในรายชื่อบริษัทที่จะถูกคว่ำบาตร ได้แก่ ซีเรีย เทรดดิ้ง ออยล์ คอมพานี, เจนเนอรัล ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น และอัล ฟูรัต ปิโตรเลียม คอมพานี ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลซีเรียยังคงใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอียูมีมติให้ใช้มาตรการลงโทษเพิ่มเติมต่อซีเรีย ซึ่งครอบคลุมถึงภาคพลังงาน การเงิน ธนาคาร และการค้า และให้มีการเพิ่มบุคคลและบริษัทที่มีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์รุนแรงหรือสนับสนุนรัฐบาลซีเรียโดยตรง เข้าในรายชื่อบัญชีดำที่จะถูกคว่ำบาตร
โดยก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ค. อียูได้ประกาศคว่ำบาตรประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียมาแล้ว ตามมาด้วยมาตรการลงโทษบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของซีเรีย และบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพในเดือนก.ย.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่ที่อียูประกาศใช้มาตรการลงโทษต่อซีเรียเมื่อวันที่ 9 พ.ค. จนถึงขณะนี้ มีบุคคล 74 ราย และบริษัท 19 แห่งที่อยู่ในรายชื่อคว่ำบาตรของอียู