น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ยกเว้นพื้นที่ทางการเกษตรและลุ่มต่ำอาจกินระยะเวลาเกิน 30 วัน น้ำ โดยศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) จะแระสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการเร่งระบายน้ำท่วมขังออกไป
โดยขณะนี้พื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออกนั้น ถนนสายหลักและพื้นที่การค้าต่างๆ กลับมาใช้งานได้ตามปกติในหลายพื้นที่ ส่วนน้ำที่ท่วมขังอยู่ต้องใช้การระบายน้ำหรือสูบน้ำออก เช่น หลักหก ดอนเมือง แจ้งวัฒนะ ลำลูกกา ต้องเร่งระบายน้ำและสูบน้ำออกให้เร็วที่สุดภายในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนแนวคันกั้นน้ำบิ๊กแบ๊กขณะนี้ระดับน้ำส่วนใหญ่หลังแนวบิ๊กแบ็กแห้งแล้ว ระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ต่ำลง ทำให้แนวบิ๊กแบกไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปก็จะทยอยรื้อออก แต่จะหารือกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ
ส่วนพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันตก ระดับน้ำในคลองหลักเกือบปกติ ไม่มีน้ำล้นตลิ่งแล้ว ดังนั้นถนนสายหลักและพื้นที่การค้าฝั่งธนบุรีจะกลับมาใช้งานได้ใน 1-2 สัปดาห์ ยกเว้นที่ยังท่วมขังในพื้นที่พุทธมณฑลสาย 4 สาย สาย 5 และอ้อมน้อย คงต้องใช้เวลาอีก 2-3สัปดาห์ โดยระดับน้ำในพื้นที่ทั้งหมดจะแห้งภายในเดือน ธงค.เช่นเดียวกัน
ส่วนพื้นที่ จ.ปทุมธานีและนนทบุรี คลองหลัก เช่น คลองพระพิมล น้ำยังล้นตลิ่งอยู่ แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนได้ดี คาดสัปดาห์หน้าระดับน้ำในเจ้าพระยาจะลดต่ำลง ซึ่งจะสามารถเปิดประตูระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้มากขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการระบายน้ำที่ท่วมขังในระดับพื้นที่ต่างๆ นั้น ศปภ.ได้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมชลประทานในการสนับสนันเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กและใหญ่ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำมากพอควร เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากบางบัวทองและบางใหญ่ คาดทำให้พื้นที่ในชุมชน ทั้งในปทุมธานีและนนทบุรีแห้งก่อนถึงปีใหม่ ส่วนพื้นที่เกษตรหรือที่ลุ่มต่ำมากๆ อาจจะต้องมีน้ำท่วมขังมากกว่า 30 วัน
สำหรับในวันนี้หลังจัดรายการเสร็จแล้ว ตนเองจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และวันพรุ่งนี้จะไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา