น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุกหน่วยงาน เช่น กองทัพ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ได้อยู่ดูแลสถานการณ์บ้านเมืองตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งวันนี้ยังมีความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุความรุนแรงในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทจะมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"เรื่องนี้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้เจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ได้ดูแล ซึ่งได้สั่งการทั้งหมดแล้ว วันนี้ยังไม่เห็นต้นสายปลายเหตุ เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องนี้ ทุกอย่างดูแล ป้องกันอย่างใกล้ชิด และจะดูแลอย่างเต็มที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ และหากเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นก็สามารถรายงานเรื่องเข้ามาที่ตนได้โดยตรงทันที
ส่วนการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทุกคนต้องร่วมกันสร้างบรรยากาศความปรองดอง ซึ่งตนคงไม่สามารถทำได้เพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้จะยึดหลักความยุติธรรมใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และให้ความเสมอภาคแก่ทุกคน
นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่าการจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมได้นั้น จำเป็นต้องมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรนูญ หรือการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) อย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ได้มาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนและทำความเข้าใจในแนวทางการทำงานกับกองทัพ เพื่อให้การทำงานทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือก้าวก่ายการทำงานของกองทัพ
พร้อมมุ่งเน้นให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ในการสร้างความสุขและบรรเทาทุกข์ให้ประชาชน โดยได้เน้นย้ำให้กองทัพ และ กอ.รมน.เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนรัฐบาลในการเร่งปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดนภาคใต้ และให้น้อมนำกระแสพระราชดำรัส "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" รวมถึงการดูแลความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้ให้นโยบายภายใต้ยุทธศาสตร์ใน 6 หัวข้อหลัก ซึ่งกองทัพ ศอ.บต. มหาดไทย และสตช. จะไปบูรณาการเพื่อวางยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าปลายเหตุ
ส่วนยุทโธปกรณ์ของทางกองทัพที่ได้รับความเสียหายจากการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซมให้แก่ทางกองทัพ โดยจะเน้นยุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน หากยังไม่จำเป็นเร่งด่วนคงต้องรอการจัดสรรงบประมาณไปตามขั้นตอน และการทำงานของกองทัพในการช่วยเหลือประชาชนถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะกองทัพก็มีความพร้อมทั้งกำลังคนและยุทโธปกรณ์