"สดศรี"หนุนทำประชามติก่อนตั้ง ส.ส.ร.3 สวน"ณัฐวุฒิ"อย่างอ้าง15ล้านเสียง

ข่าวการเมือง Sunday December 25, 2011 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามมติ กล่าวกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับการทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การทำประชามติเป็นหน้าที่ของ กกต.ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ซึ่งตามหลักเกณฑ์เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับการทำประชามติก็ต้องนำเรื่องดังกล่าวหารือร่วมคณะรัฐมนตรี หากครม.ให้ความเห็นชอบหลังจากนั้นต้องนำเรื่องไปปรึกษากับประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา จากนั้นเมื่อได้รับความเห็นชอบทั้งจากครม. และรัฐสภา จะประกาศในราชกิจนุเบกษาเพื่อทูลเกล้าถวายต่อไป จากนั้นกกต.จะต้องประกาศวันออกเสียงประชามติภายใน 7 วัน โดยเป็นวันเดียวกันทั้งทั่วราชอาณาจักรและนอกราชอาณาจักร เนื่องจากการจัดทำประชามติต้องดำเนินการไม่น้อยกว่า 90 วันและไม่น้อยกว่า 120 วัน

ในการออกเสียงประชามติมีขั้นตอน คือการเผยแพร่ขั้นตอนการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงวิธีการต่างๆ รวมทั้งจัดเวทีกลางเพื่อให้ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยสามารถใช้เวทีดังกล่าวโต้แย้งเหตุผลร่วมกัน ซึ่งการจัดทำเวทีกลางจะช่วยให้ประชาชน ทราบหลักเกณฑ์และเหตุผลของการแก้ไขและการไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม การออกเสียงประชามติมีหลักสำคัญว่าจะต้องให้ผู้ที่มีสิทธิออกเสียง ซึ่งผลของการออกเสียงประชามติต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ โดยใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก และการออกเสียงประชามติมีช่องให้กากบาทเพียงสองช่องเท่านั้นคือช่องที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ เมื่อกกต.ประกาศผลการออกเสียงประชามติให้ประชาชนได้รับทราบ สำหรับการร้องคัดค้านผลการออกเสียงประชามติจะมีลักษณะคล้ายกับการคัดค้านผลการเลือกตั้ง แต่มีระยะเวลาเพียง 24 ชม.เท่านั้น

และอีกส่วนที่สำคัญคือการตั้งเวทีกลางเพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถแสดงความคิดเห็นโต้แย้งเหตุผลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่างจากการออกเสียงประชามติเมื่อปี 2550 เพื่อจะให้รับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ2550

นางสดศรี กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวหากทำประชามติก่อนการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร. 3) เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากประชาชนเห็นด้วยตั้งแต่แรกก็จะจบเรื่องคัดค้านการไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุควรทำประชามติภายหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเพราะต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นางสดศรี กล่าวว่า ไม่น่าจะรวมเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะคะแนนเสียงที่พรรคเพื่อไทยได้รับการชนะเลือกตั้งเข้ามา 15 ล้านเสียงมาจากการเลือกตั้ง แต่คะแนนเสียงการออกเสียงประชามตินั้นเป็นการแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการออกเสียงประชามติอาจมีคะแนนมากกว่าหรือน้อยกว่า 15 ล้านเสียงก็ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ