นายทิโมที ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ มีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นและจีนเป็นเวลา 3 วันในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือความร่วมมือคว่ำบาตรอิหร่านที่ไม่ยอมเลิกล้มแผนทดลองอาวุธนิวเคลียร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานแถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐว่า ในวันที่ 12 ม.ค. นายไกธ์เนอร์จะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ และนายจุน อาซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว เพื่อหารือประเด็นเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งหนทางส่งเสริมการขยายตัวทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และสมดุล
ระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นและจีนนี้ นายไกธ์เนอร์จะหารือ “ความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศในภูมิภาคนี้ เพื่อที่จะกดดันรัฐบาลอิหร่านเพิ่มยิ่งขึ้นอีก อาทิ มาตรการทางการเงินโดยมีเป้าหมายจัดการธนาคารกลางอิหร่าน"
ก่อนหน้านั้น นายไกธ์เนอร์มีกำหนดเดินทางเยือนจีนในวันอังคารหน้า เพื่อเข้าพบกับนายหวัง ซีชาน รองนายกรัฐมนตรีจีน และในวันต่อมาจะหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า และรองประธานาธิบดีซีจินปิง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ เพื่อหารือมาตรการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดโอกาสให้คนงานและบริษัทสหรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจจีนเพิ่มขึ้น
สำหรับญี่ปุ่น ซึ่งนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านราว 10% ของปริมาณการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดนั้น กำลังถูกกดดันให้หันไปรนำเข้าน้ำมันจากผู้ผลิตชาติอื่นแทน เนื่องจากสหรัฐกำลังวางแผนที่จะยกเลิกการให้เงินสนับสนุนด้านการลำเลียงน้ำมันจากอิหร่าน
นายโคอิชิโร เกมบะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ได้กล่าวกับนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐระหว่างหารือกันในสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้วว่า การระงับการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้
นอกจากนี้ นายเกมบะยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า หากสหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านก็อาจจะส่งผลกระทบแง่ลบ โดยจะทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะหนุนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของอิหร่านให้สูงขึ้นด้วย เนื่องจากอิหร่านมีรายได้หลักจากการขายน้ำมัน