นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นตนเองขอยืนยันตามเดิมว่าจะมีการพูดคุยกันทันทีหลังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แล้วเสร็จว่าจะให้ใครหรือหน่วยงานใดดำเนินการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นนโยบายเร่งด่วน 1 ใน 8 เรื่องที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ โดย ส.ส.รายใดที่ต้องการให้มีการแก้ไขก็สามารถร่วมลงชื่อได้ ขณะที่ภาคประชาชนหลายส่วนก็มีความต้องการรวบรวมรายชื่อ ดังนั้นเมื่อต่างเห็นตรงกันก็สามารถดำเนินการรวบรวมความคิดเห็นและดำเนินการต่อได้ทันที
"หลังจากสิ้นสุดเรื่องงบประมาณแล้วก็จะต้องพูดคุยกัน ส่วนจะแก้ไขเสร็จเมื่อใดนั้นก็ขึ้นกับแต่ละหน่วยงานว่าพร้อมเมื่อไร แต่เชื่อว่า หากทำจริงจังสมัยนิติบัญญัติสมัยนี้ ซึ่งเหลืออีกประมาณ 4 เดือน จะสามารถยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทันอย่างแน่นอน" นายอุดมเดช กล่าว
สำหรับความคิดเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวนั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า ได้พูดคุยกันทุกครั้งที่ประชุมวิป ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นตรงกันเรื่องการแก้ไขมาตรา 291 ที่จะให้มีคณะทำงานเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมอบหมายให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ดำเนินการต่อไป ส่วนความคิดเห็นจากนักวิชาการ, ส.ว., ส.ส. และภาคประชาชนที่ออกมาก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร.ที่จะรับไปพิจารณา
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าควรยืดเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยก่อนนั้น นายอุดมเดช กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของ ร.ต.อ.เฉลิม แต่เมื่อพรรคและ ส.ส.มีมติที่จะต้องแก้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับกับมติพรรค
ขณะเดียวกันกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะรวบรวมรายชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากรวบรวมได้แล้วก็สามารถยื่นให้ประธานรัฐสภาตรวจสอบได้ทันที
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 น่าจะเสร็จใน 3 วัน คือวันศุกร์ที่ 6 ม.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ก็ดำเนินการไปตามปกติ แต่อาจจะดูล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากมี ส.ส.อภิปรายในมาตรา 3 และมาตรา 4 ยาวกว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากทั้ง 2 มาตราเป็นมาตราที่กว้าง แต่หากพ้นมาตรา 4 ไปแล้วก็น่าจะรวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถพิจารณาได้ทันภายในวันพรุ่งนี้ก็คงจะไม่พิจารณาต่อในวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.แต่จะยกยอดไปพิจารณาในวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.นี้แทน