นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องออก พ.ร.ก.ในการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทสำหรับเพื่อการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยมั่นใจว่าการกู้เงินจะแล้วเสร็จได้ทันตามกรอบภายในวันที่ 30 มิ.ย.56 ซึ่งอาจจะทำได้รวดเร็วกว่าโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลชุดก่อน
พร้อมระบุถึงความจำเป็นในการโอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 1.14 ล้านลล้านบาทไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า เป็นเพราะขณะนี้รัฐบาลมีภาระต้องชำระดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟูในแต่ละปีใกล้เคียงระดับ 15% แต่ยืนยันว่าหลังจากการโอนหนี้ไปแล้วหนี้ก้อนนี้ยังคงถือว่าเป็นหนี้สาธารณะ เพียงแต่ไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เกี่ยวข้องที่จะเห็นว่าไทยมีแหล่งทุนที่เพียงพอ และชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างแท้จริง
ส่วนข้อกังวลของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง ที่มองว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเป็นโมฆะนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก็เป็นข้อกังวลของท่าน เพียงแต่รัฐบาลสามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าการออก พ.ร.ก.นี้มีความจำเป็นเร่งด่วนจริงๆ
นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวานนี้ว่า ได้มีโอกาสพบปะกับนักลงทุนในตลาดทุนของสิงคโปร์ รวมถึงพูดคุยกับผู้จัดการกองทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนในตราสารหนี้กว่า 200 คน โดยได้ชี้แจงถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยในอนาคต รวมทั้งชี้แจงร่วมกับสภาพัฒน์ถึงแผนป้องกันปัญหาน้ำท่วม ซึ่งนักลงทุนบางส่วนได้แสดงความสนใจต่อแผนระยะยาวในการบริหารจัดการน้ำในอนาคต
นอกจากนี้นักลงทุนยังสอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าประเทศไทยได้ผ่านการเลือกตั้งมาด้วยความเรียบร้อยและได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยยืนยันกับนักลงทุนว่ารัฐบาลมีความตั้งใจในการเข้ามาบริหารประเทศอย่างเต็มที่ และจะป้องกันไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า พร้อมทำหน้าที่ในทุกตำแหน่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมอบหมาย หลังมีกระแสข่าวว่าอาจะมีการปรับ ครม.โดยให้ไปนั่งควบตำแหน่ง รมว.คลัง พร้อมระบุว่าไม่เคยไปสอบถามกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง แต่ได้เคยพูดกับนายกรัฐมนตรีไว้ตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งว่า พร้อมจะทำงาน เพราะเชื่อมั่นในตัวของนายกรัฐมนตรี และยินดีจะทำงานในตำแหน่งใดก็ได้
"ท่านให้อยู่กระทรวงไหนก็รับได้ทั้งนั้น ให้ทำหน้าที่ตรงไหนก็พร้อมทั้งนั้น แต่ถ้าลึกๆ ผมอยากเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีชุมพล ไปทำกีฬามากกว่า" นายกิตติรัตน์ ระบุ