สหภาพการค้าไนจีเรียประกาศหยุดชุมนุมประท้วงเป็นเวลา 2 วันเพื่อเจรจากับรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้สั่งยกเลิกเงินอุดหนุนน้ำมัน ทำให้น้ำมันมีราคาพุ่งขึ้นเท่าตัว ทำให้ชาวไนจีเรียจำนวนมากไม่พอใจและออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสหภาพกล่าวว่า การเจรจากับประธานาธิบดีส่งสัญญาณว่าจะมีทางออกที่ดี และจะเจรจาต่อไปในวันเสาร์นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)
ด้วยเหตุนี้ องค์กรหลักๆซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพดังกล่าวจึงตัดสินใจหยุดการเดินขบวนประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เที่ยวบินต่างๆจะกลับมาให้บริการตามปกติ เพื่อให้ตัวแทนสามารถเดินทางมาร่วมโต๊ะเจรจาในกรุงอาบูจา เมืองหลวงได้
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในวันที่ 5 ของการประท้วงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายรายจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่สหภาพแรงงานน้ำมันบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป โดยไนจีเรียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา
"เราต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่า ในวันเสาร์และอาทิตย์จะเป็นวันที่พวกเราได้หยุดพัก" อับดุลวาเฮด โอมาร์ก หัวหน้าสภาแรงงานไนจีเรียกล่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงอาบูจา "แต่เช้าวันจันทร์จะเป็นการชุมนุมประท้วงที่ใหญ่ที่สุด"
ทั้งนี้ รายได้จากน้ำมันคิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ของรัฐบาลไนจีเรีย แต่เนื่องจากการคอร์รัปชั่นตลอดหลายปีที่ผ่านมาและการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ทำให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในประเทศ
รัฐบาลไนจีเรียได้ให้คำมั่นว่าจะนำเงินที่ใช้สำหรับอุดหนุนน้ำมันปีละ 8 ล้านดอลลาร์ ไปปรับปรุงโรงเรียน การบริการด้านสุขภาพ และการผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ชาวไนจีเรียที่ยากจนเกรงว่า สุดท้ายแล้วเงินจำนวนดังกล่าวจะเข้ากระเป๋าของเจ้าหน้าที่รัฐแทน ในขณะที่พวกเขามองว่า เชื้อเพลิงราคาถูกเป็นผลประโยชน์เดียวที่พวกเขาได้รับจากความมั่งคั่งด้านน้ำมันของประเทศ