สหภาพแรงงานของไนจีเรียตัดสินใจระงับการผละงานและการประท้วงทั่วประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดี กู๊ดลัค โจนาธาน ยอมกลับมาให้เงินอุดหนุนน้ำมันบางส่วน
สภาแรงงานไนจีเนียและสภาสหภาพการค้า ซึ่งเป็นสองสหภาพแรงงานหลักของประเทศ กล่าวในการแถลงที่กรุงอาบูจา เมืองหลวงว่า ทางสหภาพตัดสินใจระงับการประท้วงเพื่อรักษาชีวิตและเพื่อความอยู่รอดของชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมในระหว่างการชุมนุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สหภาพได้ขอให้บรรดาแรงงานยุติการชุมนุมประท้วงตามท้องถนน และกลับมาทำงานตามปกติ ในขณะที่การเจรจากับทางการในเรื่องราคาเชื้อเพลิงมีความคืบหน้า
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศระงับการผละงานประท้วงนั้น ประธานาธิบดีไนจีเรียได้ประกาศจำกัดการขึ้นราคาน้ำมันเบนซินสู่ระดับ 97 ไนรา (69 เซนต์) ต่อลิตร
ทั้งนี้ การผละงานประท้วงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกเงินอุดหนุนน้ำมัน โดยให้คำมั่นว่าจะนำเงินที่ใช้สำหรับอุดหนุนน้ำมันปีละ 8 ล้านดอลลาร์ ไปปรับปรุงโรงเรียน ถนนหนทาง การบริการด้านสุขภาพ และการผลิตกระแสไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ชาวไนจีเรียที่ยากจนเกรงว่า สุดท้ายแล้วเงินจำนวนดังกล่าวจะเข้ากระเป๋าของเจ้าหน้าที่รัฐแทน ในขณะที่พวกเขามองว่า เชื้อเพลิงราคาถูกเป็นผลประโยชน์เดียวที่พวกเขาได้รับจากความมั่งคั่งด้านน้ำมันของประเทศ
การประกาศยกเลิกเงินอุดหนุนน้ำมันตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินในไนจีเรียพุ่งขึ้นกว่าสองเท่าจากระดับ 65 ไนราต่อลิตร