น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการในเช้าวันนี้ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อตอบแทนบุญคุณว่า "ไม่มีหรอกค่ะ เราดูที่ตามความเหมาะสมและความลงตัวของคุณสมบัติของคนที่เข้าร่วมครม."
พร้อมยืนยันว่า มั่นใจว่าการปรับ ครม.ปู 2 ไม่ผิดฝาผิดตัว โดยระบุว่าอยากให้สื่อลองดูเทียบในแต่ละกระทรวงดู ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบางคนอาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่หากดูตามคุณสมบัติและวุฒิการศึกษาก็จะเห็นว่าตรงกับงาน เพราะต้องการปรับเพื่อความลงตัวและเน้นเข้าสู่หมวดฟื้นฟูและกอบกู้เศรษฐกิจโดยเร็ว
"การปรับ ครม.ครั้งนี้ถือว่าทำงานมาระยะหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่ทำงานไปเรารู้ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการฟื้นฟู ก็เลยปรับครม.เพื่อความลงตัว แค่นั้นเองไม่มีประเด็นอื่น ส่วนจะทำให้มีปัญหากับคนที่ถูกปรับออกหรือไม่นั้น ไม่มี เพราะเมื่อเวลาผ่านไปบางทีก็ต้องการบุคลากรมาช่วยที่เหมาะและตรงกับขั้นตอนของการฟื้นฟู และเร่งในการช่วยกอบกู้เศรษฐกิจ" นายกฯ กล่าว
ส่วนจะมีการพิจารณาปรับ ครม.อีกครั้งหรือไม่เมื่อใดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องขอเวลาให้ ครม.ชุดใหม่ได้ทำงานก่อน ขอให้ประชาชนสบายใจทุกอย่างเราจะพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ ครม.ชุดนี้เดินหน้าไป ที่สำคัญจะเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเร่งนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดงเข้ามาดำรงตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ว่า ที่ให้ดูแลงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะนายณัฐวุฒิมีความเข้าใจในเรื่องปัญหาของพี่น้องโดยเฉพาะชาวเกษตรกร และจริงๆนายณัฐวุฒิเป็นผู้มีความรู้
ขณะที่กรณีของนางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่โดนแบล็กลิสต์จากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบในข้อเท็จจริง แต่ในส่วนของประเทศไทยตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญไม่ติดขัดด้านคุณสมบัติ ซึ่งต้องให้นางนลินีออกมาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการปรับเปลี่ยนรมว.คลังนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แทบจะไม่ได้เปลี่ยนการทำงานเลย เพราะโดยหลักแล้วนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหมดมาอยู่แล้ว แต่จะได้รับผิดชอบงานตรงมากขึ้น เพราะช่วงนี้ต้องการให้เข้ามาช่วยดูด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากต้องเร่งฟื้นฟู ก็คงจะทำให้ควบคู่กับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ได้อย่างใกล้ชิด
และการโยก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งเป็นเตรียมทหาร 10 มาเป็น รมว.กลาโหม อาจจะทำให้ทางทหารไม่พอใจนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องมีการทำความเข้าใจกัน แต่ พล.อ.อ.สุกำพลก็เป็นทหารมา มีความเข้าใจทางด้านทหารอยู่แล้ว เราไม่ได้ให้ฝ่ายพลเรือนมาเป็นรมว.กลาโหม
ขณะเดียวกัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ก็ดูแลความมั่นคงและดูแลกระทรวงกลาโหม นั่นก็แปลว่านโยบายทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจจะมีคนมาดูแลใกล้ชิดมากขึ้นในรายละเอียด