นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ค่อนข้างตรงกับโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ จึงไม่รู้สึกแปลกใจ และมองว่าเป็นเรื่องการเมืองของพรรคเพื่อไทยมากกว่า แต่เมื่อมีการปรับแล้วประชาชนก็มีสิทธิเรียกร้อง หรือตั้งความหวังว่าน่าจะมีสิ่งที่ดีขึ้น
แต่ความจริงแล้วงานที่เป็นที่คาดหวังและเราก็ต้องเริ่มเห็นการเรียกร้องมากขึ้นก็คืองานที่เป็นนโยบายที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ และมีอีกหลายนโยบายที่ไม่เป็นไปตามที่มีการประกาศไว้ เช่น นโยบายการจำนำข้าว ซึ่งกำลังสร้างปัญหาให้กับการส่งออก เพราะเมื่อมีความพยายามบิดเบือนกลไกตลาดในลักษณะนี้จะทำให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทย ขณะเดียวกันนั้นเกษตรกรในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการก็มีจำนวนน้อยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และราคาที่ได้ก็ต่ำกว่าที่เคยโฆษณาหาเสียงเอาไว้ด้วย
นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเป็นห่วงในเรื่องค่าครองชีพที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น รมว.พลังงาน หรือรมว.พาณิชย์คนใหม่ คงต้องเร่งหาคำตอบในเรื่องราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่า 30 บาท และกำลังส่งผลถึงการขอขึ้นราคาค่าขนส่งและราคาสินค้าในขณะนี้
“รัฐบาลพูดชัดว่าจะต้องเอาเก็บเงินไปใช้หนี้ เลิกล้มความคิดแล้วในการที่จะใช้เงินจากเชื้อเพลิงบางตัวมาสนับสนุนเชื้อเพลิงที่มีความจำเป็น หรือเป็นพื้นฐานของการขนส่ง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องลังเลเลย มองเห็นอนาคตว่าขึ้นราคาแน่ และจะขึ้นไปเรื่อย ๆ อีกระยะหนึ่ง ยังไม่นับในเรื่องของภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ตอนนี้เหลืออีกสิบกว่าวัน ถ้ารัฐบาลไม่ต่อมาตรการในเรื่องการลดภาษี ดีเซลก็ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นไปอีก อาจจะถึงลิตรละ 3 บาท 5 บาท"
สำหรับความคาดหวังทีมเศรษฐกิจของ ครม.ใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับทีมเศรษฐกิจมากนัก เพราะหัวหน้าทีมคนเดิม ส่วนลูกทีมมีทั้งคนใหม่และที่สลับสับเปลี่ยน แต่ประเด็นอยู่ที่เป้าหมายและใจของรัฐมนตรีเหล่านี้อยู่ที่ไหนจะสนใจว่าประชาชนกำลังแบกรับต้นทุนอย่างไร หรือกำลังสนใจว่าจะเอา ปตท. ไปทำเงินอย่างไร