ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ได้แสดงความพอใจที่รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน พร้อมกับยืนยันว่า สหรัฐจะยังคงผลักดันให้มีการคว่ำบาตรอิหร่านอีก เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ดำเนินโครงการนิวเคลียร์
"ผมพอใจอย่างมากกับมติของประเทศสมาชิกอียูที่ตัดสินใจคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ไม่ยอมทำตามคำมั่นสัญญาณในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ การคว่ำบาตรครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประชาคมโลกร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการตอบโต้อิหร่านที่ต้องการใช้นิวเคลียร์คุกคามโลก" โอบามากล่าวในแถลงการณ์
นอกจากนี้ โอบามายืนยันว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้ากดดันอิหร่านต่อไป ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออิหร่าน
ด้านนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ และนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังของสหรัฐ ได้แสดงความพอใจกับมติของอียูเช่นกัน โดยกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะเพิ่มแรงกดดันให้กับอิหร่าน เพื่อให้อิหร่านยอมล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ แม้อิหร่านอ้างมาโดยตลอดว่าโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสันติภาพก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกอียูมีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างเป็นทางการแล้วในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ดำเนินโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งมติดังกล่าวกำหนดว่ารัฐบาลอียูต้องยุติการทำสัญญาฉบับใหม่กับอิหร่านทันทีที่คำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ ซึ่งน่าจะเป็นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ คาดว่ารัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอียูจะเห็นพ้องเรื่องการใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นกับธนาคารกลางอิหร่าน ด้านนางแคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวว่า การคว่ำบาตรเป็นหนทางที่จะโน้มน้าวอิหร่านให้ยอมตกลงร่วมเจรจากับนานาประเทศได้