กระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า สหภาพยุโรป (อียู) ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดจากการตัดสินใจที่ "ไม่ฉลาด" ด้วยการสั่งไม่ให้ 27 ชาติสมาชิกอียูนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากอิหร่าน
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงต่อสื่อในประเทศว่า รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอียูตัดสินใจต่อต้านอิหร่านอย่าง "ไร้เหตุผลและไม่เหมาะสม" ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ ซึ่งอียูตัดสินใจยกระดับการคว่ำบาตรธนาคารกลางอิหร่านและการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน เพื่อกดดันให้ยุติโครงการนิวเคลียร์
"การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไร้ศีลธรรม และจะส่งผลอันไม่น่าพึงประสงค์ต่อชาวยุโรปและทั่วโลก" สำนักข่าว Mehr รายงานเนื้อความในแถลงการณ์
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านระบุในแถลงการณ์ว่า อิหร่านยืนยันมาตลอดว่าดำเนินโครงการพัฒนานิวเคลียร์เพื่อสันติ นอกจากนั้นอิหร่านยังให้ความร่วมมือและทำตามข้อกำหนดของสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) และพยายามทุกอย่างเพื่อแสดงความโปร่งใส ดังนั้นอิหร่านจะไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์ซึ่งอิหร่านมีสิทธิตามกฎหมาย แม้จะถูกกดดันก็ตาม
"ชาติสมาชิกอียูต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดจากการตัดสินใจที่ไม่ฉลาด รวมถึงการพยายามสร้างความตึงเครียดและวิกฤต" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ IRIB TV รายงานว่า โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านเมินการตัดสินใจของอียู พร้อมกับระบุว่าเป็น "กลไกที่ล้มเหลว" สำนักข่าวซินหัวรายงาน