พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในภาพรวมขณะนี้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่ถือว่าเลวร้าย เพียงแต่จะทรุดลงไปเรื่อยๆ รัฐบาลต้องมองภาพกว้าง อย่าดูจุดใดจุดหนึ่งซึ่งมีความล่อแหลมโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีต้องควรจะพิจารณาสถานการณ์รอบข้างที่จะเกิดขึ้น เพราะจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
"โดยเฉพาะข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง 30-40 ปี จึงฝากถึงกลุ่มนิติราษฎร์ให้กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีต ว่ากว่าจะเป็นประเทศต้องต่อสู้โดยพระมหากษัตริย์ เป็นแม่ทัพที่นำพาประเทศจนถึงปัจจุบันนี้" พล.ต.สนั่น กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังไม่เห็นด้วยที่จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่าควรศึกษาให้รอบคอบและควรนำเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาของประเทศทั้งปัญหาปากท้องและน้ำท่วม ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเกิดน้ำท่วมขึ้นอีกเพราะฤดูกาลเปลี่ยน และยากต่อการควบคุม ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะมีแผนบริหารจัดการน้ำ จึงฝากเตือนประชาชนว่าไม่ควรไว้วางใจ
พล.ต.สนั่น ยังประเมินการเมืองหลังจากนี้ว่า กลุ่มบ้านเลขที่ 111 จะกลับมาเล่นการเมืองอีกแน่นอน โดยการแก้ปัญหาการเมืองจะต้องหันหน้าสู่การปรองดอง หากปรองดองไม่ได้ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้แม้จะมีการเยียวยาชดเชยด้วยเงินเป็นจำนวนมาก
"ไม่คัดค้านกรณีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง แต่ทุกภาคส่วนต้องได้รับการเยียวยาอย่างเท่าเทียม และเห็นว่าการเมืองขณะนี้ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะต้องระมัดระวัง" พล.ต.สนั่น กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับการโอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แต่เห็นด้วยที่จะให้ขายหุ้น บมจ.ปตท.(PTT) ส่วนหนึ่งเพื่อนำเงินมาใช้ในการแก้ปัญหาของประเทศที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศขณะนี้ เพราะหุ้นรัฐวิสาหกิจ หากรัฐบาลถือครองไม่เกิน 30% ก็ไม่ส่งผลกระทบ เพราะเชื่อว่าไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดรวบรวมซื้อหุ้นจนกลายเป็นหุ้นใหญ่กว่ารัฐบาลได้
ขณะเดียวกันยังเห็นด้วยกับข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างกองทัพ เพราะกองทัพเป็นกระทรวงหนึ่งของรัฐบาลที่ต้องสนองตอบนโยบายของรัฐบาล พร้อมมองว่าขณะนี้กองทัพทำงานสนองตอบรัฐบาลได้ดี ไม่เห็นว่ามีการขัดคำสั่ง รัฐบาลควรให้ความเป็นธรรมกับกองทัพ