ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นอิหร่านให้เข้าร่วมการเจรจาประเด็นนิวเคลียร์อย่างจริงจัง หลังสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรด้านการส่งออกน้ำมันและธนาคารกลางของอิหร่าน
แถลงการร่วมโดยนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยผู้นำทั้งสามเรียกร้องให้รัฐบาลอิหร่าน ระงับกิจกรรมด้านนิวเคลียร์โดยทันที และปฏิบัติตามข้อกำหนดสากลอย่างเคร่งครัด
ผู้นำประเทศอียูทั้ง 3 ระบุชัดเจนว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ประชาชนอิหร่าน แต่เพื่อกล่าวโทษผู้นำอิหร่านที่ไม่สามารถทำให้นานาประเทศมีความเชื่อมั่นในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้อิหร่านอ้างว่าเป็นโครงการเพื่อสันติภาพก็ตาม
"โอกาสของอิหร่านอยู่ข้างหน้า ที่จะร่วมกันเจรจาอย่างจริงจังและมีความสำคัญในด้านโครงการนิวเคลียร์" แถลงการณ์ระบุ
"เราจะไม่ยอมรับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ปัจจุบันอิหร่านยังไม่เคารพต่อข้อกำหนดระหว่างประเทศ และกำลังข่มขู่ด้วยความรุนแรงในภูมิภาคนี้ เราจะรวมกันด้วยการใช้มาตรการที่แข็งแกร่ง เพื่อลดอำนาจรัฐบาลอิหร่านไม่ให้สามารถส่งเสริมทางการเงินในโครงการนิวเคลียร์ได้ และเพื่อให้อิหร่านเห็นผลกระทบของการเลือกที่จะทำลายสันติภาพและความความปลอดภัยของพวกเราทั้งหมด ไปจนกว่าอิหร่านจะยอมเข้าร่วมการเจรจา"
รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกอียูมีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างเป็นทางการแล้วในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวานนี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ดำเนินโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งมติดังกล่าวกำหนดว่ารัฐบาลอียูต้องยุติการทำสัญญาฉบับใหม่กับอิหร่านทันทีที่คำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ ซึ่งน่าจะเป็นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้