นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการทำงานในสภาฯมากขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์วุ่ยวายในช่วงการอภิปรายพ.ร.ก. 2 ฉบับวานนี้
ซึ่งหากจะไปดูบรรยากาศการประชุมสภาทั่วโลก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเวทีสภาเป็นเวทีของตัวแทนของผู้ที่มีความคิดแตกต่างกัน ดังนั้นก็จะเปิดปัญหาแบบนี้ แต่ทุกอย่างจะอยู่ในกรอบกติกา
"ถ้ามีการปิดกั้นสภาแล้ว และสุดท้ายประเด็นต่าง ๆ ก็ออกมาสู่ข้างนอก ออกมาสู่ท้องถนน ผมก็เตือนไว้ตั้งแต่สมัยนายกฯ ทักษิณว่า นายกฯ ทักษิณปิดกั้นทุกช่องทางเลย ไม่ว่าจะเป็นสภา ไม่ว่าจะเป็นสื่อ สุดท้ายมันจะต้องเกิดปัญหาการประท้วงกันตามถนน ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง จำได้ว่าหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการประท้วงก็เพราะว่า ไปปิดรายการโทรทัศน์อะไรต่าง ๆ พอสังคมไม่มีโอกาสได้สะท้อนความแตกต่างแล้ว ก็จะเกิดปัญหาอย่างนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับในส่วนของ พรก. 2 ฉบับที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ไม่อยู่ในวาระการประชุมของสภา แต่ฉบับที่เป็นวาระในสภานั้น เป็น 2 ฉบับที่ไม่ได้ยื่นตีความ แม้สส.ฟากรัฐบาลจะพยายามแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่พอใจกับเรื่องการส่งตีความ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวยืนยันว่าเงินงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับแผนงานที่เกี่ยวกับน้ำท่วมที่จะต้องดำเนินการในปีนี้รัฐบาลมีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับพรก. อีก 2 ฉบับที่ส่งตีความ
“ถ้ารัฐบาลเอาโครงการที่จะทำทั้งหมดที่จะป้องกันน้ำท่วมมาให้ผมดูว่ามีโครงการไหนบ้างที่ดำเนินการไม่ได้เพราะไม่มีพรก. พวกผมถอนชื่อให้เลยครับ ไม่ต้องตีความ ให้ผ่านเลย ถ้าหากมีจริง แต่ปัญหาคือมันไม่มี อย่าหลอกกัน เอาเรื่องจริงว่ารัฐบาลมีเงินในมือตอนนี้แสน 9 หมื่นล้าน อนุมัติใช้ไปแล้วประมาณ 4 — 5 หมื่นล้าน ใน 4 — 5 หมื่นล้าน สำนักงบประมาณไปตรวจสอบดูยังบอกว่าซ้ำซ้อน ดำเนินการไม่ทันในปีนี้เป็นหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นเหลืออีกตั้งแสนกว่าจะเอาไปทำอะไร”
ต่อประเด็นการตั้งกระทู้ถามของนายกรณ์ จาติกวนิช ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องการขายหุ้นบมจ.ปตท. (PTT) เพิ่มเติม 2% เพื่อเปลี่ยนสถานะของ ปตท. จากรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน พร้อมทั้งมีข้อสังเกตว่าเป็นความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการตั้งโต๊ะฮุบหุ้น และเป็นเจ้าของ ปตท. นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องความตั้งใจของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจด้านพลังงานคงไม่เป็นเรื่องลับ เพราะได้มีการพูดและไปปรากฎตัวในหลายประเทศซึ่งแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่กระทำได้
สำหรับประเด็นของ ปตท. นั้น ขณะนี้เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญมากเกี่ยวกับพลังงานของไทย เพราะหลายธุรกิจในขณะนี้ ปตท. สามารถควบคุมโดยตรง หรือโดยอ้อมได้ ดังนั้นการเป็นรัฐวิสาหกิจก็มีปัญหาอยู่แล้วในการกำกับดูแลทางด้านความเป็นธรรมของผู้ใช้พลังงาน ฉะนั้นหากไปขายปตท. ให้อยู่ในมือของเอกชน นายอภิสิทธิ์เชื่อว่าต่อไปจะมีเอกชนเข้ามา แล้วหากเอกชนคิดถึงแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวแล้ว ผลกระทบจะเกิดขึ้น