ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะเสนอแก้ไขกฎหมายในการปราบปรามยาเสพติดในส่วนของบทลงโทษผู้ต้องขังคดียาเสพติด จากเดิมที่นักโทษสามารถยื่นอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์ในแต่ละจังหวัดได้ทันที ก็ให้เปลี่ยนมาเป็นยื่นต่อศาลอุทธรณ์กลาง ซึ่งเมื่อศาลอุทธรณ์กลางเห็นตรงกับคำตัดสินโดยยืนตามศาลชั้นต้น ผู้ต้องขังก็ไม่มีสิทธิยื่นฎีกาอีกต่อไป แม้ว่าจะมีโทษประหารชีวิตก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าจะลดโอกาสที่ผู้ต้องขังในคุกจะก่อคดียาเสพติดอีก
อย่างไรก็ดี ในส่วนนี้จะขอนำไปปรึกษากับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน โดยยืนยันนโยบายปราบปรามยาเสพติดจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน รวมถึงงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ด้วย เนื่องจากไม่ได้มีการตั้งงบประมาณในส่วนนี้ตั้งแต่แรก
พร้อมมั่นใจว่า ภายใน 1 ปี จะสามารถปราบปรามยาเสพติดได้ตามที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ จากนั้นจะตั้งให้เป็นวาระแห่งภูมิภาค โดยเชิญชวนให้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติดด้วย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะเดินทางไป จ.ราชบุรี และ จ.เพชรบุรี เพื่อมอบนโยบายการปราบปรามยาเสพติดในฝั่งตะวันตก ส่วนวันที่ 24 ก.พ.จะไป จ.ลำปาง และ 25 ก.พ.จะมีประชุมใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่ ของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด
ร.ต.อ.เฉลิม ยังยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ในกรณีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ เนื่องจากตนมีหน้าที่เป็นแค่ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ซึ่งผู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.ได้ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มีอำนาจในการสั่งการ