นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติให้เสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ตามที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว
"เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมวิปเห็นด้วยกับหลักการให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.จำนวน 99 คน โดยมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน และสรรหา 22 คน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะให้ตัวแทนแต่ละพรรคไปเสนอในที่ประชุมพรรคของตนเองว่าจะมีข้อแก้ไขในจุดใดบ้าง" นายอุดมเดช กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนถึงวันที่ 8 ก.พ.55 วิปรัฐบาลจะประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากไม่มีการเสนอให้แก้ไขในประเด็นอื่น ๆ เข้ามาก็จะยื่นเรื่องดังกล่าวต่ออประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 ก.พ.55
ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงกระแสต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นการแก้ไขเฉพาะมาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
"เป็นคนละส่วนกัน อยากให้ผู้ที่คัดค้านอย่าพยายามนำทั้ง 2 เรื่องมาเกี่ยวโยงกัน" นายอุดมเดช กล่าว
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มีเนื้อหารวม 5 มาตรา โดยมีสาระสำคัญว่าด้วยเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มี ส.ส.ร.ที่มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนจังหวัดละ 1 คน และสมาชิกมาจากการคัดเลือกของที่ประชุมของรัฐสภา 22 คน ตามสัดส่วนจากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินหรือการร่างรัฐธรรมนูญ
คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สสร.ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีในวันเลือกตั้ง สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันรับสมัคร หรือเป็นบุคคลที่เกิด หรือศึกษา หรือเคยรับราชการ หรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่รับสมัครเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 5 ปี
พร้อมทั้งกำหนดให้จัดการเลือกตั้งสสร.ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เมื่อมีการเลือกตั้งสสร.เสร็จแล้ว ให้กกต.ประกาศรับรอลผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง
นอกจากนั้น กำหนดให้สภาของสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งคัดเลือกบุคคล ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสสร.ในประเภทต่างๆ ประเภทละไม่เกิน 3 คน และส่งให้ประธานรัฐสภาภายใน 15 วัน นอกจากนี้ยังให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 15 คน ซึ่งมาจากส.ส.จำนวน 9 คน และส.ว.จำนวน 6 คน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสสร.ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาภายใน 15 วัน เพื่อให้รัฐสภาลงมติคัดเลือก
และ สสร.จะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 180 วัน โดยอาจนำรธน.ฉบับใดฉบับหนึ่งที่เห็นว่ามีความเป็นประชาธิปไตยสูงมาเป็นต้นแบบในการยกร่างได้ เมื่อทำร่างรธน.เสร็จสิ้นแล้วให้นำเสนอต่อรัฐสภา และให้ประธานรัฐสภาส่งไปยังกกต.ภายใน 7 วันเพื่อจัดให้มีการออกเสียงลงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับร่างรธน.นั้นหรือไม่ ภายในไม่เกิน 60 วัน แต่ไม่น้อยว่า 45 วัน และให้กกต.ประกาศรับรองผลให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
หากคะแนนเสียงประชามติไม่เห็นชอบให้ร่างรธน.นั้นเป็นอันตกไป และในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป จากนั้นครม.หรือส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือส.ว.และส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภามีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้