นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมเชิงปฏิบัติการนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายไปแล้ว 5 โครงการ จากทั้งหมด 16 โครงการ ได้แก่ โครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได เป็นต้น
ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติดนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอต่อที่ประชุมว่าการกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติคงไม่เพียงพอ รัฐบาลเตรียมผลักดันให้เป็นวาระแห่งภูมิภาค โดยจะดำเนินการใน 2 มาตรการ คือ การปราบปรามและการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องศึกษาในรายละเอียดและเตรียมที่จะประชุมเชิงปฏิบัติการในภูมิภาคด้วย
สำหรับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ที่จะมีการดำเนินการให้คลุมใน 4 ลักษณะ คือ 1.ใกล้บ้านใกล้ใจ โดยการสร้างโรงพยาบาลให้อยู่ใกล้กับชุมชน 2.มียาดีใช้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาคุณสมบัติของตัวยา 3.ไม่ต้องรอเวลารักษานาน และ 4.จัดการโรคเรื้อรัง ซึ่งจะส่งเสริมให้มีแพทย์เฉพาะทางรักษาโรค
ด้านนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา จากปัจจุบันที่มีการจัดเก็บในอัตรา 30% ให้เหลือ 23% ในปี 55 และจะลดลงเหลือ 20% ในปี 56 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายการปรับโครงสร้างขึ้นเงินเดือนข้าราชการที่จบการศึกษาวุฒิปริญญาตรี 15,000 บาท ซึ่งจะมีผลย้อนหลัง 1 ม.ค.55 และนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน ที่จะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.55 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยทั้ง 2 นโยบายต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน