นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นเพียงการแก้ไขแค่มาตราเดียวเท่านั้น แต่ก็ถือว่ามีผลต่อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ต้องตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ขึ้นมาแก้ไขกฎหมาย เปรียบเสมือนกับการฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การฉีกโดยคณะปฏิวัติ แต่เป็นการฉีกด้วยการลงมติในสภาซึ่งตั้งเรื่องโดยรัฐบาล โดยอาศัยมือจากส.ส.ร.เขียนขึ้นใหม่
สำหรับเหตุผลที่รัฐบาลอ้างขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือที่มาซึ่งระบุว่ามาจากต้นไม้พิษ ผลที่ออกมาก็ต้องเป็นพิษ โดยไม่ได้ดูเนื้อหา และที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยออกมาระบุให้ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญมาตราใดที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานเพื่อประชาชน การที่ให้ ส.ส.ร.เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นการเซ็นเซ็คเปล่า เพราะหลังจาก ส.ส.ร.ร่างเสร็จแล้ว ต้องส่งต่อไปทำประชามติ รัฐสภาไม่มีสิทธิตรวจสอบ เป็นการจงใจปิดกั้นการปฏิบัติหน้าที่การลงประชามติก็เป็นการมัดมือชกว่าจะให้ประชาชนรับหรือไม่รับเท่านั้น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรนูญฉบับปี 40 และ 50 เพราะสถานการณ์ที่ต่างกัน สมัยแก้รัฐธรรมนูญ 2540 ตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาท่ามกลางความเห็นพ้องของทุกฝ่ายมีเป้าหมายชัดเจนที่จะมาปฏิรูปการเมือง แต่ครั้งนี้เกิดจากความต้องการของฝ่ายเดียวคือรัฐบาลและผู้ร่วมกระบวนการ ขณะที่สังคมกังวลว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งวิกฤติรอบใหม่
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้น แม้รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธแต่ตนก็มีสิทธิไม่เชื่อ เพราะมีการให้สัมภาษณ์จากคนในรัฐบาลว่าหากได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่คนพิเศษก็จะได้กลับมาอย่างสง่างาม
พร้อมมองว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะไม่แตะต้องสถาบันหลักของประเทศ ทั้งสถาบันกษัตริย์ องค์กรอิสระไปจนถึงศาลยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมาคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งเคยระบุว่าจะต้องยกเลิกองค์กรอิสระ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพราะมีจุดเริ่มต้นจากการรัฐประหารปี 49
นายจุรินทร์ แสดงความต้องการให้รัฐบาลระบุเป็นเงื่อนไขให้ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่าจะไม่แตะเรื่องสถาบันและองค์กรอิสระ ไม่เช่นนั้นขั้นตอนหลังจาก ส.ส.ร.ร่างเสร็จแล้ว ต้องนำกลับมาให้สภาฯ พิจารณาแก้ไขได้