นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมายอมรับความจริงเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังไม่ยอมรับมติสภาและเสียงประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะให้มีการตีความว่าการแก้ไขมาตรา 291 ให้มีสสร.ทำได้หรือไม่ ทั้งที่ทุกฝ่ายในบ้านเมืองเห็นด้วย มีการตั้งกรรมการต่างๆขึ้นมากเพื่อทำงานควบคู่ไปกับสสร. และคงจะมีข้อเสนอแนะต่างๆออกมา ซึ่งเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย ดังนั้นสิ่งที่ไม่ควรค้านก็ไม่ควรทำ
เช่นเดียวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อหลากสีนำโดยนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการตั้งสสร. เห็นว่าเป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่ไม่ชอบและไม่ก้าวพ้นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวคัดค้านในทุกเรื่อง ดังนั้นเห็นว่า กลุ่มคนเหล่านี้ควรอโหสิกรรม และรับฟังความเห็นคนส่วนใหญ่
"ผมแปลกใจมากว่าประเทศไทยต้องเป็นแบบไหนคนกลุ่มนี้ถึงจะพอใจ เราตั้งสสร.ผ่านการเลือกตั้งและสรรหา 99 คน ก็ไม่พอใจ แต่ให้ส.ส.ทำกันเองก็บอกว่าหมกเม็ดเป็นเผด็จการ อยากรู้ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ และก่อนหน้านี้นพ.ตุลย์ ก็เคยบอกว่ารธน.50 แก้ได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่ไม่ชอบและก้าวไม่พ้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีนายกฯ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ แต่จะค้านทุกเรื่อง ซึ่งที่จริงแล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์คนเหล่านี้ก็ควรจะเห็นด้วย" นายจิรายุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 มี.ค.55 จะไม่มีการประชุมพรรค เนื่องจากจะให้ส.ส.ได้ลงพื้นที่ชี้แจงทำงความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรับฟังความเห็นจากประชาชน
ด้าน ร.ท.หญิงสุนิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ ได้วิเคราะห์ประเด็นการเมืองในสัปดาห์หน้าคงหนีไม่พ้นเรื่องเก่า เช่น กรณีว.5 โฟร์ซีซั่นส์ กรณีกล่าวหาร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มีการอาการมึนเมาในรัฐสภาหรือไม่ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหล่านี้จะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์นำไปสู่ความขัดแย้ง มุ่งหวังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งไม่เกิดประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน
ทั้งนี้เห็นว่าพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปแบบ 4 อ. หรืออนุบาล 4 คือ 1.อคติ เนื่องจากค้านการทำงาของรัฐบาลทุกเรื่องแบบไม่มีเหตุผล 2.เล่นการเมืองแบบอ้างมั่วๆ เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มักอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่มีตัวตน ไม่น่าเชื่อถือโดยเฉพาะการโจมตีนายกฯ 3.เล่นการเมืองแบบอธรรม เนื่องจากมีทัศนคติในทางลบทุกเรื่อง เป็นตัวร้ายทางการเมือง อยากให้คนไทยทะเลาะกันต่อไปและไม่อยากเห็นความปรองดองเกิดขึ้น 4.อาศัยชายกระโปรง เพื่อทำลายรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดจึงเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่จะขึ้นชั้นป.1ได้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถให้ซ้ำชั้น อนุบาล 3 ได้ เนื่องจากจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับรุ่นน้อง