นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปช.) กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลมุ่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนที่ปรับสูงขึ้นในขณะนี้ โดยพบว่าดัชนีวัดค่าครองชีพและดัชนีวัดเงินเฟ้อสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลประกาศจะพยายามควบคุมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค แต่กลับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจี ที่เป็นสัญญาณที่ส่งไปยังสังคมว่าเกี่ยวกับทิศทางารบริหารนโยบายพลังงานที่ไร้ทิศทาง สะเปะสะปะ
"น้ำมันดีเซลที่ปลายปีมีการคาดการณ์กันว่าอาจจะมีราคา36-37 บาท เช่นเดียวกับก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีในภาคการขนส่งที่มีราคา 15 บาทต่อกก.อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสัญญาณตรงนี้ที่ส่งออกไปทำให้ราคาสินค้าในตลาดสูงขึ้นและไม่มีทางควบคุมได้ ดังนั้นขอให้รัฐบาลกลับไปตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่ำกว่า 30 บาทเหมือนในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล รวมทั้งราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลจีวีที่ต้องมีการควบคุมให้อยู่ในระดับอัตราที่เหมาะสม ในขณะนี้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีกำไรมหาศาล ตนคิดว่าควรสละตรงนั้น เพื่อมาดูแลประชาชนได้" นายชวนนท์ กล่าว
ทั้งนี้การควบคุมราคาสินค้าจะใช้การตลาดควบคุมไม่ได้ เห็นได้จากการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ที่ตลาดมีนบุรีเปิดโครงการธงฟ้าจำหน่ายสินค้าราคาถูกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ไม่เหลือร้านธงฟ้าแม้แต่ร้านเดียว เพราะเป็นการนำธงไปติดหน้าร้านเขาเอง พอนายกฯกลับเขาก็ยกออก ถือว่าเป็นการละทิ้งประชาชนและข้อเท็จจริงที่ควรนำมาปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นนรัฐบาลจะต้องหาแนวทางควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ระดับที่ต้องการตั้งแต่ต้นทาง เพราะราคาต้นทุนและเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น เพราะไม่มีประโยชน์ในการควบคุมสินค้าปลายทาง