นายโฟดอร์ ลุคยานอฟ ผู้เชี่ยวชาญจากสภาผู้บริหารรัสเซียในเรื่องนโยบายต่างประเทศและกลาโหม กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศของรัสเซียจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักหลังจากที่นายวลาดิมีย์ ปูติน กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอีก 1 สมัย
นายลุคยานอฟซึ่งยังดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Russia in Global Affairs ด้วยนั้น กล่าวว่า นายปูติน ซึ่งพึ่งจะชนะการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ จะยังคงใช้นโยบายต่างประเทศแบบระมัดระวัง ถึงแม้ว่า โดยส่วนตัวเขาจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อต้านชาติตะวันตก
"รัสเซียเชื่อว่าสถานการณ์ต่างประเทศเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังนั้น รัฐบาลรัสเซียจึงต้องการความแม่นยำ และไม่มีความทะเยอทะยาน" เขากล่าว
นายลุคยานอฟกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-สหรัฐว่า เขาไม่เชื่อว่านายปูตินจะคาดหวังถึงความคืบหน้าเท่าไรนัก เนื่องจากทั้งสองรัฐบาลไม่ได้ไว้ใจซึ่งกันและกัน"
"นายปูตินเคยเริ่มต้นจากความต้องการที่จะสร้างสายสัมพันธ์ใหม่กับสหรัฐ เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสองประเทศมีเสถียรภาพและมีความเท่าเทียมกัน แต่ความพยายามทั้งหลายไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากนายปูตินคาดว่า สหรัฐไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ในระดับที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น ประสบการณ์การใช้อำนาจมาเป็นเวลา 12 ปีของปูติน จะมีผลกระทบต่อนโยบาย และความสัมพันธ์กับสหรัฐอาจจะกลายเป็นเรื่องที่ลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ รัสเซียและสหรัฐไม่มีประเด็นใดๆ ที่จะทำให้ทั้งสองประเทศต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น" นายลุคยานอฟระบุ
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การเจรจาในเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธระหว่างสหรัฐและรัสเซียได้มาถึงทางตัน และทำให้เกิดความขัดแย้ง สหรัฐยังคงเดินหน้าสร้างระบบป้องกันโดยไม่สนใจการคัดค้านจากรัสเซีย นายปูตินระบุว่ารัสเซียอาจจะตอบโต้ เพื่อเพิ่มอำนาจทางนิวเคลียร์
"รัสเซียอาจจะพยายามทำให้สหรัฐหวาดเกรง เพื่อแสดงให้เห็นอย่างจริงจังในเรื่องดังกล่าวและหลังจากนั้นจะท้าทายสหรัฐในเรื่องเทคโนโลยี" นายลุคยานอฟกล่าว
ส่วนในความสัมพันธ์กับยุโรปนั้น นายลุคยานอฟคาดว่า นายปูตินคาดหวังความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในเรื่องธุรกิจและพลังงาน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัสเซียเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในยุโรปด้วย
ในกรณีนี้ รัสเซียอาจจะพิจารณาปรับตัวเองไปสู่โครงสร้างอำนาจใหม่ของโลก รวมทั้งการปรับเปลี่ยนผลประโยชน์ของประเทศจากยุโรปไปยังเอเชีย นายลุคยานอฟกล่าว
บทสัมภาษณ์โดย สำนักข่าวซินหัว