น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 57 ปีวันนักข่าว ในหัวข้อ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอบโจทย์ประเทศไทย" โดยให้กำลังใจในการทำงานข่าว พร้อมระบุว่าทราบดีว่าสื่อมวลชนทำงานด้วยความยากลำบากเพื่อนำข่าวสารมาเสนอต่อประชาชน ขณะที่รัฐบาลก็ได้ทำงานควบคู่กับสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ถูกต้อง
ทั้งนี้จากหัวข้อ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอบโจทย์ประเทศไทย" ต้องเข้าใจรากเหง้าของปัญหา ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศสงบสุข โดยในแง่ทางการเมืองต้องการความเสมอภาค ทุกคนอยากเห็นความเท่าเทียม ความขัดแย้งลดลง ขณะที่ปัจจัยสี่ก็ต้องเติมเต็มให้ครบเช่นกัน
ส่วนมิติทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม มีรากเหง้าที่เหมือนกันคือความเสมอภาคเท่าเทียม และปัจจัยสี่ต้องมีให้ครบ เพราะหากคิดว่าปัญหาของตนเองเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ก็จะนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมได้ รัฐบาลได้ทำหน้าที่บริหารประเทศ ดูแลประชาชน ให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และลดความขัดแย้งของคนในชาติ พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารไม่เน้นการตอบโต้ เพื่อลดความขัดแย้งในสังคม และทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคม และให้เป็นประชาธิปไตยอย่างสร้างสรร รับฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาในมิติของเศรษฐกิจว่า ได้มองแนวทางการแก้ไขปัญหาเป็น 3 ส่วนคือ 1.การแก้ฐานประชากรโดยยึดฐานรายได้เป็นหลัก ให้ความสำคัญในการเติมเต็มปัจจัยสี่ และปัจจัยพื้นฐานอย่างเต็มที่ และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และการพักชำระหนี้
2.แก้ไขปัญหาภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทุกนโยบายจะต้องช่วยให้สร้างรายได้ และช่วยตัวเองได้ และ 3.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ทั้งนี้ ยังมองการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งในประเทศ และเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รัฐบาลจะมีการปรับปรุงยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเพื่อเร่งให้เกิดประโยชน์ในข้อตกลงที่ได้ทำพันธกรณีกับประเทศต่างๆ ไว้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการบริหารบ้านเมือง แต่ขณะเดียวกันสื่อมวลชน ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบโจทย์ ดังนั้นขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการทำงานด้วยเช่นกัน ซึ่งการทำงานร่วมกันไม่ใช่การทำงานเพื่อรัฐบาลหรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการทำงานเพื่อคนไทยทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี ได้เดินชมนิทรรศการภาพถ่ายที่สื่อแต่ละสำนักส่งเข้าประกวด โดยขณะที่เห็นภาพของตัวเองคู่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในหลายๆ ภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมระบุว่าคณะกรรมการคงลำบากใจ เนื่องแต่ละภาพที่ส่งเข้าประกวดสวยทุกภาพ
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มองว่า จะต้องมีการปรับสมดุลด้วยการสร้างความเสมอภาคทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซี่งจะมีส่วนช่วยในการตอบโจทย์ให้กับประเทศได้ ซึ่งการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่า ภายในช่วง 2 ปีจากนี้ไป รัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายนำไปสู่งบประมาณแบบสมดุลได้
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายในเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานให้มีคุณภาพ และจะทำให้นักธุรกิจเกิดความมั่นใจในคุณภาพฝีมือแรงงานของไทย