ปชป.เทียบผลงานรัฐบาล 7 เดือนเจ๋งกว่าพท.ชี้หลายนโยบายยังไม่ทำตามหาเสียง

ข่าวการเมือง Sunday March 11, 2012 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปรียบเทียบผลงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วง 7 เดือน พบว่า รัฐบาลยังสามารถดำเนินนโยบายได้ตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งหากเทียบนโยบายราคาพลังงาน ที่พรรค ปชป.ประกาศตรึงราคาน้ำมัน ซึ่งราคาน้ำดีเซลที่ขึ้นมาถึง 31.73 บาท/ลิตร หากเป็นพรรคในวันนี้ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 29.99 บาท/ลิตร เช่นเดียวกับราคาก๊าซแอลพีจีแลก๊าชเอ็นจีวี ขณะนี้รัฐบาลขึ้นราคาแอลพีจี 0.75 เอ็นจีวี 0.50 บาท จนราคาแอลพีจีจะขึ้นในวันที่ 16 มี.ค. 20.33 บาทต่อกก.ก๊าซเอ็นจีวีราคา 10 ต่อกก. หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก๊าซแอลพีจึตรึงอยู่ที่ 18.08 บาท/กก. ส่วนก๊าซเอ็นจีวีจะอยู่ที่ 8.50 บาท/กก.

"กองทุนน้ำมันในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลบริหารจัดการกองน้ำมันได้บริหารความเหมาะสมทางด้านการเงินทำให้มีเงินเหลือดูแลจัดการความมั่นคงทางพลังงานไม่เป็นหนี้รวมทั้งยังสามารถชำระหนี้กองทุนน้ำมันได้เกือบหมด แต่รัฐบาลชุดนี้บริหาร 7 เดือน ทำอะไรไปบ้าง เพราะเข้ามากองทุนน้ำมันก็ติดลบจำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลนี้กู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท และมีหนี้เพิ่ม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ออกมายกเลิกกองทุนน้ำมัน เพราะบริหารกองทุนน้ำมันจนเสียหาย" นายชวนนท์ กล่าว

ส่วนค่าไฟฟ้าฟรีพรรคประชาธิปัตย์ กำหนดผู้ที่ใช้ฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย/เดือนได้ใช้ไฟฟ้าฟรีต่อไป ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน แบ่งเขตผู้ที่ได้ใช้ไฟฟ้าฟรีลงมาเป็นเพียง 50 หน่วย เพราะเป็นเทคนิคที่ไม่ต้องการอุ้มคนจนที่มีจำนวนมาก จึงกำหนดผู้ใช้ไฟฟ้าฟรีลดลง ขณะที่อาหารสำเร็จรูปจานละ 30 บาท ยังมีในสมัยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ราคาอาหารจานเดียวรัฐบาลชุดนี้ 35 บาท

ส่วนนโยบายด้านสังคม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ให้เงินอุดหนุนค่าเทอมโรงเรียนทุกแห่ง รวมถึงเรื่องการแจกแท็บเล็ตที่ยังไม่มีความแน่นอน เพราะรัฐบาลยังไม่มั่นใจในราคาที่ได้มีการตกลงสั่งซื้อจากประเทศจีน ทำให้ยังไม่มีการเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. และนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ 57.7 ล้านคนได้ประโยชน์แต่ขณะนี้ประชาชนหวังว่าจะเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ซึ่งการอนุมัติงบประมาณยังติดขัด

ด้านเกษตรกร สมัยพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารงานปีแรกได้เปลี่ยนเป็นการประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์ 35.5 ล้านราย ผลผลิตเสียหาย แต่เกษตรกรไม่ขาดทุน แต่ขณะที่รัฐบาลชุดนี้เปลี่ยนเป็นโครงการรับจำนำสินเค้าเกษตร มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1.2 ล้านคน และหากพืชผลเกษตรเสียหาย วก็จะไม่ได้รับเงินชดเชย

นายชวนนท์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเยียวยาคนเสื้อแดง 7.75 ล้านบาทอาจเป็นเพียงละครฉากนึงที่รัฐบาลสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อให้คนเสื้อแดงอยู่ในคำสั่งต่อไป ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้นักกฎหมายหลายคนระบุว่า คงไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้จริง เพราะมติ ครม.ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณแผ่นดินหรือภาษีประชาชนไปจ่ายให้กับบุคคลในจำนวนที่สูงมาก ซึ่งการจ่ายเงินเยียวยาจะต้องมีการออกพ.ร.บ.ประกอบการเบิกจ่ายและออกกฎหมายประกอบการเอาเงินภาษีของประชาชน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน

ส่วนกรณีการให้เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของรัฐบาล ได้รับข้อมูลมาว่าในหลายจังหวัดมีการเปลี่ยนแปลงระบบการเบิกจ่ายงบประมาณการคลังให้สามารถใช้วิธีเบิกจ่ายระบบจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษโดยไม่ต้องใช้วิธีประมูล ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่า 1.จากการที่ประมูลอีออกชั่นก็ต้องไปแก้ให้ประมูลวิธีพิเศษ 2. โยนอำนาจกลับไปที่หน่วยงานกลาง คนที่ได้ผลประโยชน์คือส.ส.ในพื้นที่หรือผวจ. เพราะอำนาจจะลงไปอยู่ในมืออย่างเต็มที่ จะจัดซื้อจัดจ้างหรือจ้างใครก็ได้เพราะระเบียบเปิดช่องให้หมดแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความทุจริตให้กับเงินช่วยเหลืออุทกภัยเช่น จ.ปทุมธานี ที่มีงบในการเยียวยาสูงถึง 1.2 พันล้านบาท ซึ่งสามารถเปิดช่องให้ทุจริตได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังไม่มีหน่วยงานเข้าไปดูแล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ