นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิ์การดำรงตำแหน่งของ 32 ส.ว. กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุด พบข้อมูลใหม่ว่า มี ส.ว. ประมาณ 10 คน อาจขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ไม่สามารถดำรงตำแหน่ง ส.ว.ได้ เนื่องจากพบว่าไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยมีหลักฐานที่ได้ตรวจสอบกับทางสำนักงานเขตต่างๆ แล้ว คาดว่าจะยื่นเรื่องให้ กกต. พิจารณา เพื่อส่งศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปได้ภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีไม่ยึดประมวลจริยธรรมอย่างรอบคอบเพียงพอ ในการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยากถามกลับไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 3 คนว่า ได้ยึดหลักการนี้ด้วยหรือไม่ อย่างกรณีอดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน 2 คน คือ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร และนายปราโมทย์ โชติมงคล ที่ศาลอาญาได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 เม.ย.2555 นี้ กรณีถูกกล่าวหาว่าออกระเบียบเพื่อขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเอง ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับอดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด จนต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด ที่ควรนำกรณีนี้มาพิจารณาบ้าง หรือเป็นเพราะเคยอยู่องค์กรเดียวกันมาเลยจึงได้เพิกเฉย "ผมสงสัยว่า คณะกรรมการสรรหา ส.ว. หรือ 6 อรหันต์ สรรหามาเป็น ส.ว.ได้อย่างไร และ ส.ว.ด้วยกันเลือกมาเป็นประธานวุฒิสภาได้อย่างไร และขณะนี้ทราบว่านายปราโมทย์ ก็มาเป็นที่ปรึกษาประธานวุฒิสภาด้วย ทำไมผู้ตรวจการฯทั้ง 3 คน มองไม่เห็นประเด็นนี้ ถามว่ามาตรฐานอยู่ที่ไหน" นายเรืองไกร กล่าว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ตนเองได้ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ขึ้นเวทีพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาโจมตีรัฐบาล ซึ่งแสดงถึงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ที่ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดต่อผู้ที่จะมาเป็น ส.ว. โดยได้ยื่นเรื่องก่อนที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะตรวจสอบกรณีนายณัฐวุฒิและนางนลินี ซึ่งใช้เวลาตรวจสอบแค่ 15 วัน ก็แจ้งผลออกมาแล้ว แต่กรณี น.ส.รสนา ที่ถือเป็น ส.ว. ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุดของประเทศ ควรจะให้มีการตรวจสอบความเป็นกลางทางการเมือง