นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า รัฐบาล และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรมีความชัดเจนเกี่ยว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีแผนการช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยได้ในปีนี้ เพราะเงื่อนไขนี้จะเป็นปมที่นำไปสู่ความขัดแย้ง อีกทั้งจะกระทบต่อประชาชน และบ่งชี้สิ่งที่รัฐบาลผลักดันตลอดมา เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การสร้างความปรองดอง มีเป้าหมายที่แท้จริงในการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายกรัฐมนตรีจึงปัดความรับผิดชอบไม่ได้
ส่วนการที่ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่าจะใช้ พ.ร.บ.ปรองดอง ช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศยังไม่ทราบว่าจะเป็นรูปแบบใด เพราะเรื่องของคดีที่ยังไม่เสร็จสิ้นเป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ศาลพิพากษาให้จำคุกไปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องกลับมารับโทษ และคงไม่เกี่ยวกับที่จะอ้างว่าเป็นคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ดำเนินการ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณได้ต่อสู้คดีในศาลแล้ว ดังนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่า คตส.ทำไม่ถูก ก็ต้องต่อสู้คดีไปแล้ว เพราะศาลได้รับฟังทั้ง 2 ฝ่ายและมีคำพิพากษาออกมาแล้วในช่วงที่พรรคที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาลอยู่ ไม่ได้เกิดในช่วงการปฏิวัติ หรือรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนการที่ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่ารัฐบาลได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เสร็จแล้ว แต่จะยังไม่ขอเปิดเผยเนื้อหา โดยอ้างว่าต้องรอเวลาที่เหมาะสมนั้น เป็นสิ่งที่เดากันว่าเป็นความพยายามที่จะลบล้างความผิดในอดีตของพ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น โดยรัฐบาลก็วกกลับไปเรื่องเดิมในการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ แทนที่จะเอาใจใส่ในการแก้ปัญหาของประชาชน ทั้งปัญหาค่าครองชีพ และนโยบายด้านพลังงาน เช่น การขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน ก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจี รวมถึงการที่รัฐบาลมีแผนจะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือน เป็นต้น
"พรรคเพื่อไทยพูดค่อนข้างชัด แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน ซึ่งนั่นเป็นความหมายของการปรองดองในความคิดของเขา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว