ผู้ตรวจการฯ เผยต่างชาติถือครองที่ดินในไทยนับล้านไร่,กม.ปี 40 เปิดช่อง

ข่าวการเมือง Monday March 12, 2012 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้ตรวจการแผ่นดินเผยต่างชาติแห่ถือครองที่ดินนับ 100 ล้านไร่ หวั่นนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็นครัวโลกทำสูญที่ดินทำกินถาวร ขณะที่นักวิชาการนิด้าชี้การก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 58 เปิดช่องให้นอมีนีถือครองที่ดินเป็นจำนวนมาก

"ช่วงปี 2540 ได้เปิดช่องให้ชาวต่างชาติมีเงินเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาเข้ามาถือครองที่ดินได้เป็นกรณีพิเศษ ทำให้ ณ วันนี้มีที่ดิน 1 ใน 3 ของประเทศถูกถือครองอำพรางโดยต่างด้าวคิดเป็นประมาณ 100 ล้านไร่" นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวในการสัมมนาเรื่อง นิติกรรมอำพราง:ต่างชาติกับการถือครองที่ดิน จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา

กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเป็นการแย่งดินแดนโดยใช้ระบบเศรษฐกิจและช่องโหว่ของกฎหมาย โดยปัญหานี้มีมานานแล้วตั้งแต่อดีตเพราะเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ตัวเลขนี้มาจากการทำงานวิจัยของสถาบันการศึกษา ที่น่ากลัวที่สุด คือ ที่ดินแทบชายทะเล เช่น หาดบ้านเพ จ.ระยอง พบว่าเป็นของต่างชาติกว่า 90 % เช่นเดียวกับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี น่าอยู่ในมือต่างชาติ 30% ส่วน จ.ภูเก็ต, สมุย จ.สุราษฎร์ธานี มากกว่านั้น

นายศรีราชา กล่าวว่า การถือครองที่ดินของต่างชาติเข้ามาในหลายรูปแบบ เช่น สมรสกับคนไทย หรือตั้งบริษัทไทยและไปแปลงภาพในภายหลังแม้ว่าในกฎหมายจะกำหนดให้ต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกิน 49 % แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าจำนวนหุ้นอีก 51%ที่เหลือกลายเป็นถือครองในระบบนอมินีแทน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจะต้องทบทวนการจำกัดถือครองที่ดิน และผลักดันภาษีที่ดินให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน แต่เรื่องนี้เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะคนรวยในระบอบนี้ไม่มีใครยอม

"ต้องจับตาแนวคิดในการเอาไทยเป็นครัวของโลก ซึ่งเป็นช่องทางให้เกิดการถือครองที่ดินของต่างชาติ ผมจับตามาตั้งแต่ออสเตรเลียพยายามเอาผลไม้ของเราไปปลูกแต่ทำในประเทศตัวเองไม่ได้เลยมาขอเช่าที่ดินในไทยแทน และต่อไปจะมีนักการเมืองบางท่านสนับสนุนตะวันออกกลางผลิตข้าวหอมมะลิในไทยแล้วตีตราเป็นภาษาตะวันออกกลางทั้งหมด หากไม่สำเหนียกในการคุ้มครองสิทธิชาวนาไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มาจากกความไม่สามารถของฝ่ายบริหารของประเทศที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ปลูกพื้นไร่บ้านเราบนที่ดินเราแต่ผลผลิตส่งกลับประเทศของเขาและคนไทยจะเป็นเพียงแรงงานเท่านั้น" นายศรีราชา กล่าว

ด้าน น.ส.ปิยะนุช โปตะวณิช อาจารย์คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ปัญหานี้จะส่งผลน่ากลัวอย่างมากในช่วงปี 2558 ซึ่งจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและเปิดเศรษฐกิจเสรีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค เกรงว่าจะกลายเป็นช่องว่างให้เกิดกระบวนการนิติกรรมอำพรางของต่างชาติเพื่อเข้ามาถือครองที่ดินในไทย โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางด้านการเงินจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องการลงทุนในด้านอื่นๆ เพื่อทำประโยชน์และสร้างกำไรทางเศรษฐกิจ

"สิงคโปร์มีเทคนิคสูงมากยากต่อการตามให้ทัน ปัญหาตอนนี้ คือ ทำอย่างไรให้หน่วยงานตรวจสอบของเรามีความเข้มแข็งและประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปได้หรือไม่กับการกำหนดข้อห้ามออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การบูรณาการข้อมูล การเสนอกฎหมายการกระทำความผิดของตัวแทนกระทำอำพราง รวมไปถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็งด้วย หรือการเนรเทศชาวต่างชาติที่กระทำความผิดในส่วนนี้" น.ส.ปิยะนุช กล่าว

ขณะที่นายสุจิต จงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน กล่าวว่า การพิสูจน์การถือครองที่ดินของต่างชาติทำได้ยาก เพราะถ้าผู้ที่เข้ามาจดทะเบียนได้ยื่นเอกสารและมีคุณสมบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เป็นคนต่างด้าว เป็นทรัพย์สินส่วนตัว เป็นต้น ก็สามารถจดทะเบียนได้

"ยอมรับว่าตอนนี้มีหลายรูปแบบในการเข้ามาถือครอง เช่น การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ แต่กระบวนการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่นำมาซื้อที่ดินเป็นสินสมรสหรือส่วนตัว ประกอบกับกฎหมายปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วสามารถใช้คำนำหน้า นามว่านางสาวได้ยิ่งเป็นปัญหาเข้าไปอีกเพราะตรวจสอบได้ยากมากว่าเป็นนอมีนีหรือไม่ นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติแต่ละวันมีผู้เข้ามาจดทะเบียนกับกรมที่ดินเยอะมาก ดังนั้นการตรวจสอบจึงมีข้อจำกัด" นายสุจิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ